สังคม

'มาดามอ้อย' เผยปมแตกหักทนายดัง - 'ทนายตั้ม' ไม่หนักใจ รวมหลักฐานพร้อมพิสูจน์ ยันพูดจริงทุกคำ

โดย paweena_c

5 ชั่วโมงที่แล้ว

122 views

'มาดามอ้อย' เปิดใจแตกแยกกับ 'ทนายตั้ม' ตั้งแต่ไปเที่ยวที่ฟินแลนด์แล้ว เหตุเพราะโอนเงินให้ซื้อรถเบนซ์ แต่ก็ไม่ได้รถ และเล่มทะเบียน

จากกรณีที่ คุณจตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีเจ้าของธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังทนาย เสนอแพลตฟอร์มขายลอตเตอรีออนไลน์ ผู้เสียหายหลงเชื่อให้เงินลงทุน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท แต่ผ่านไปนานแล้วงานไม่สำเร็จ เมื่อทวงถามขอเงินคืนกลับเรื่องเงียบ ทำให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดหลักฐานชุดใหญ่ไฟไหม้บ้าน ในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" โพสต์วีดีโอคลิป เปิดใจคุณอ้อยว่า ความจริงโอนเงินให้ทนายตั้ม ทำคดีให้เดือนละ 3 แสนบาทจริง และทุกครั้งที่ไปต่างประเทศนั่งบิสเนสคลาสก็เงินของมาดามอ้อยทั้งหมด

และที่แตกแยกกันคือตอนไปเที่ยวที่ประเทศฟินแลนด์ เพราะไม่พอใจเรื่องที่ซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน แต่ไม่ได้รถคืน ซึ่งรถซื้อนานเป็นปี เล่มทะเบียนรถก็ไม่ได้ พอไปสอบถามที่ศูนย์รถเบนซ์ ก็บอกยังได้เงินไม่ครบ มาดามอ้อยบอกอีกว่า อย่าถามเลยเรื่องนี้ฉุนมาก

ทนายตั้ม ยืนยันไม่หนักใจ ถูกมาดามอ้อย แจ้งความโกงเงิน 71 ล้านบาท พร้อมพิสูจน์ ตัวเองเป็นทนายความ ทำอะไรมีหลักฐานอยู่แล้ว

เช้าวันนี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในคดีที่ ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล หรือ ลุงจรูญ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องครูปรีชา เจ๊พัช และเจ๊บ้าบิ่น ในความผิดฐาน ร่วมกันเบิกความเท็จ ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษา ในวันนี้ 28 ตุลาคม เวลา 10.00 น.

โดยทนายตั้ม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงคดีที่ตนเอง ถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกงเงิน จำนวน 71 ล้านบาท จากมาดามอ้อย เศรษฐีนีชาวไทยที่อาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกหนักใจในคดีนี้แต่อย่างใด และยังคงยืนยันตามข้อเท็จจริงที่เคยให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนไป

ขณะนี้กำลังกำลังให้ทนายความ บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม เก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ สำหรับใช้พิสูจน์ความจริงต่อสู้ในชั้นศาล ยืนยันสิ่งที่ตนเองพูดเป็นความจริงทุกคำ เรื่องนี้ขอให้รอดูกันไป

ทนายตั้ม บอกด้วยว่า ตัวเองเป็นทนายความทำอะไรต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว ก็ต้องไปพิสูจน์ว่าฝั่งคู่กรณีที่ไปแจ้งความนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนตนคงไม่รีบไปให้การกับเจ้าหน้าที่ เพราะกลัวเจ้าหน้าที่มีเวลาทำงานน้อย ถ้าไปมอบตัวเร็ว จึงขอรอตำรวจเรียกก่อน ตนถึงจะไป

ทนายตั้ม บอกอีกว่า หลังเกิดเรื่องยังไม่เคยติดต่อหามาดามอ้อย เพื่อเคลียร์กันแต่อย่างใด แต่อยากฝากถึงมาดาอ้อย ว่า ตนนั้นคงถูกโฉลกกับคนถูกรางวัลใหญ่ เหมือนลุงจรูญ หรืออย่างมาดามอ้อย ที่ถูกรางวัลในต่างประเทศ แล้วให้เงินให้ทองตนเอง ฟ้าลิขิตไว้แล้ว

ส่วนเรื่องภาษีไม่ต้องห่วง ตนเสียอยู่แล้ว และตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็กำลังตรวจสอบอยู่ ตอนเงินเข้ามาตนก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบแล้ว ส่วนจะเสียเท่าไหร่นั้นกำลังประเมินอยู่

ทนายตั้ม ย้ำอีกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หนักใจ แต่ที่หนักใจคือกระแสสังคมอย่างเดียว เพราะพูดไปก็เท่านั้น ไม่มีใครเชื่อ ตนโดนเรื่องนี้มาหลายรอบแล้ว ตั้งแต่ตอนทำเรื่องหวย 30 ล้านบาท ก็มีคนมากล่าวหาตนต่างๆ นานา ตนผ่านมาหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่หนักใจ

ในส่วนของ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ตนคงไม่มีอะไรจะฝากไปถึง แต่ตามที่ลั่นวาจากันไว้แล้วกัน ขอให้รอดูต่อไปกันยาวๆ

สนธิญา ร้อง ปปง. ขอให้อายัดเงิน 71 ล้าน ของ ทนายตั้มที่อ้างได้มาจากมาดามอ้อยด้วยความเสน่หา พร้อมขอให้ตรวจสอบใน 3 ประเด็น

นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมาที่ ปปง.ให้ตรวจสอบ กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ประเด็นเงิน 71 ล้านบาท ที่ทนายตั้มอ้างว่าได้มาจากมาดามอ้อย

นายสนธิญา บอกว่า ทนายตั้ม เป็นถึงเลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน และเป็นนักการเมืองในฐานะว่าที่สมาชิกวุฒิสภาสำรองอันดับที่ 4 ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญกำหนดชัดว่า ไม่สามารถถอนตัวได้ยกเว้นเสียชีวิต ซึ่งหมายความว่าบทบาทหน้าที่ของทนายตั้มนั้น หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือหรือกระทบต่อจริยธรรม

ทั้งนี้ ตนอยากให้ ปปง.ตรวจสอบทนายตั้ม เรื่องเงิน 71 ล้านบาท ใน 3 ประเด็นคือ ประเด็นแรก ตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นมีที่มาถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แม้ว่าจะได้มาด้วยเสน่หาหรือวิธีการใด ประเด็นที่ 2 คือ เงินจำนวนดังกล่าว ทนายตั้มได้ชำระภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และประเด็นที่ 3 คือ จากกรณีที่พบว่า ภรรยาของทนายตั้มนำเงินจำนวน 40 ล้านบาทจากก้อนนี้ไปซื้อบ้าน เข้าข่ายลักษณะการแปลงทรัพย์สินอันเป็นการฟอกเงินหรือไม่

โดยเบาะแสที่ตนนำมายื่นในวันนี้ เป็นคำสัมภาษณ์ที่ทนายตั้มพูดถึงเรื่องเงิน 71 ล้านบาท ผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่าเงินดังกล่าวนั้นมีอยู่จริง ซึ่งตนคงไม่ก้าวล่วงในเรื่องของคดีความว่าเงินดังกล่าวนั้นทนายตั้มได้มาด้วยวิธีการใด เพราะถือเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย แต่การที่ทนายตั้มอยู่ภายใต้มาตรา 107 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งทนายตั้มได้ทำงานเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมมีสิทธิ์ที่จะต้องถูกตรวจสอบได้

ทั้งนี้ยืนยันว่านี่ไม่ใช่เป็นการดิสเครดิตทางการเมืองและไม่เคยรู้จักทนายตั้มเป็นการส่วนตัว และในสัปดาห์หน้าตนเตรียมจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ประธานวุฒิสภาตรวจสอบอีกด้วย

https://youtu.be/OzpGpx0WGdQ

คุณอาจสนใจ

Related News