สังคม

จากปากคำ 'พี่อ้อย' แจงปม 71 ล้าน ยันไม่ถอนแจ้งความ 'ทนายตั้ม' กองปราบเริ่มสอบคดีฉ้อโกง

โดย nattachat_c

8 ชั่วโมงที่แล้ว

46 views

กองปราบเริ่มตรวจสอบสำนวนคดี 'มาดามอ้อย' แจ้งความจับ 'ทนายตั้ม' โกงเงิน 71 ล้านแล้ว เตรียมนัดหมายเข้าให้ปากคำ คาดสัปดาห์หน้าชัดเจนขึ้น ยังไม่สรุปเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เผยให้โอกาสทนายตั้ม ได้ชี้แจงนำหลักฐานมาแสดง ด้านทนายยัน ผู้เสียหายยืนยันคำเดิมไม่ถอนแจ้งความแน่นอน อ้างรับเงินด้วยความเสน่หาเป็นสิทธิ์ที่จะพูด ลั่น! มีพยานหลักฐาน


จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ 'ทนายตั้ม' เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ถูกนางจตุพร หรือ 'มาดามอ้อย' เศรษฐีนีซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ประเทศฝรั่งเศส แจ้งความเอาผิดในฐานฉ้อโกง 71 ล้านบาท ที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. โดยอ้างว่า ถูกหลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า มาดามอ้อยจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามที่กรุงเทพฯ หลังมีการโอนสำนวนคดีจาก สภ.ปากช่อง มาอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม


วานนี้ (27 ต.ค. 67) พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม กล่าวว่า  เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบรายละเอียดในสำนวน เพื่อนำมาประมวลเรื่องราวข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้ว พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานไปยังมาดามอ้อย ผู้เสียหาย โดยเป็นการติดต่อผ่านทางทนายความ เพื่อเชิญตัวเข้าให้ปากคำ ขณะนี้ อยู่ระหว่างกำหนดวันนัดหมายว่าสะดวกวันไหน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น (เดิมมีรายว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ 27 ต.ค. ซึ่งทางกองปราบฯ เตรียมพนักงานสอบสวนไว้สอบปากคำแล้ว)


ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ จะต้องสอบปากคำผู้เสียหายและพยานโดยละเอียดก่อน  อาจต้องขยายรายละเอียดจากที่ สภ.ปากช่อง ทำไว้สำหรับรายละเอียดค่อนข้างเยอะทั้ง รับเงินกันอย่างไร, รู้จักกันได้อย่างไร, รู้จักกันเมื่อไหร่, มีการพูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง


ตนและคณะทำงาน ได้เห็นสำนวนการสอบสวนที่ สภ.ปากช่อง ส่งมาแล้วบางส่วน ตนให้น้ำหนัก 40-50 เปอร์เซ็นต์ ที่มีการสอบสอบสวนไปแล้ว แต่ยังขาดรายรายละเอียดอีกหลายส่วน


สำหรับจำนวนเงินที่มาดามอ้อยแจ้งความเอาผิดในฐานฉ้อโกง เบื้องต้น ยังเป็นจำนวนเงิน 71 ล้านบาทอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่คุยกับผู้เสียหายโดยตรง แต่เห็นสำนวนเบื้องต้นแล้ว


เมื่อถามว่าคดีนี้เข้าข่ายฉ้อโกง หรือไม่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ ตอบว่า “เท่าที่ฟังก็เข้า แต่ทั้งนี้ ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงด้วย สุดท้าย ต้องว่ากันตามพยานหลักฐานเป็นหลัก”  


เมื่อถามว่าฉ้อโกงอย่างไร พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ ตอบว่า พูดถึงการฉ้อโกงคดีอื่น การฉ้อโกงหากพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือการหลอกลวง พูดไม่จริงมาหลอกให้ทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็สูญเสียทรัพย์สินไป ทั้งนี้ ตอนนี้ ยังไม่สรุปว่าจะเข้าข่ายความผิดอื่นด้วยหรือไม่


ส่วนกระแสข่าวที่ว่า จริง ๆ แล้วทนายคนดัง รับเงินจากมาดามอ้อยมากกว่า 100 ล้านบาทนั้น พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ ระบุว่า ตนยังไม่สรุปดีกว่า สิ่งที่เป็นกระแสสังคมทุกเรื่อง ทางตำรวจสอบสวนกลางก็จะตรวจสอบ ส่วนไหนที่เกี่ยวกับคดีของกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ที่รับผิดชอบทำคดีอยู่ ก็จะเอามาพิจารณาในสำนวน อย่างไรก็ตามทางกองปราบฯ ยังไม่ได้ติดต่อไปยังทนายคนดังเพื่อมาให้ปากคำ ต้องรอขั้นตอนสอบปากคำผู้เสียหาย ตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จก่อน


ส่วนประเด็นที่ทนายคนดัง อ้างว่าได้รับเงินด้วยความเสน่หา พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ ระบุว่า เป็นการชี้แจงผ่านสื่อ ซึ่งต้องมาให้การกับตำรวจพร้อมพยานหลักฐานนำมาแสดง ยืนยันตำรวจให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง ส่วนผู้กล่าวหา เบื้องต้น เขามีหลักฐานส่งมอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดที่ตำรวจต้องการ ขาดอีกหลายส่วน ซึ่งต้องรอคุยกับผู้เสียหาย ยังไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากจะนำไปประกอบสำนวนคดี


ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของมาดามอ้อย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เนื่องจากทั้งตนและคุณอ้อย ยังอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา


ส่วนรายละเอียดทางคดี ยังไม่มีการพูดคุยกับคุณอ้อยแต่อย่างใด เบื้องต้น เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับทนายคนดังในข้อหาฉ้อโกง ทั้งนี้ จะเข้าข่ายความผิดฐานอื่นหรือไม่นั้น ตอนนี้มีเพียงแค่ข้อหาเดียว ส่วนกรณีที่ทนายคนดังอ้างว่า ได้รับเงินดังกล่าวด้วยความเสน่หา ก็ถือเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะพูดอย่างไรก็ได้  แต่ฝั่งเราก็ว่ากันไปด้วยพยานหลักฐานเอกสารตามที่ร้องทุกข์กล่าวโทษไป "คุณอ้อยยังคงยืนยันในคำเดิมว่า จะดำเนินคดีกับทนายคนดัง ไม่ถอนแจ้งความแน่นอน"


ทั้งนี้ ในกลุ่มไลน์ ข่าวทนายประชาชน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 67 โดยทนายตั้มได้แชร์คลิปข่าว 'เปิดหน้า 5 ศัตรู ทนายตั้ม' โดยเจ้าตัวพิมพ์ว่า “ชีวิตผมไม่ค่อยจะราบรื่นเหมือนคนอื่นต้องสู้ตลอด”  แล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวในกลุ่มไลน์อีกเลย


ขณะที่ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ พี่ชายที่แสนดี  โพสต์ข้อความสรุปเนื้อหารายการ NewsHour ที่ดำเนินรายการโดย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา กรณีเงิน 71 ล้าน จากปากคำพี่อ้อยถึงทนายตั้ม ดังนี้

1. ป้าอ้อย มาเจอกับลุงสนธิ และคณะบรรณาธิการอาวุโส เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งอาจารย์ปานเทพนั่งอยู่ในที่ประชุมนั้นด้วย  โดยมีการพูดคุยซักถามอย่างละเอียด พร้อมอัดคลิปวิดีโอ รวมทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง จนกระจ่าง


2. อาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่า สิ่งที่ป้าอ้อยเล่าในห้องประชุมในวันนั้น มีมากกว่าที่ลุงสนธิพูดเมื่อวันศุกร์เยอะมากๆ (ประมาณว่าแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง) ซึ่งมากกว่าที่ทนายตั้ม คิดไว้เยอะ แต่จะยังไม่เปิดเผยตอนนี้


3. ป้าอ้อยเล่าว่าที่ผ่านมา ศรัทธาและไว้ใจทนายคนดังมาก ช่วยทนายคนดังในทุกวิถีทาง และเล่าว่า เงิน 300,000 ที่จ่ายให้ทนายคนดังนั้น ได้อะไรกลับคืนมาบ้าง คุ้มค่าไหม และยกเลิกสัญญาเพราะอะไร รับเป็นจ๊อบ ๆ หรือไม่ และบอกว่าทนายคนดังได้ร้องขอจากป้าอ้อยเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ ตัวเลขจริง ๆ มีมากกว่า 71 ล้าน เพิ่มเติมอีก 30-40 ล้าน


4. จุดเริ่มต้นของการแจ้งความ ป้าอ้อยเริ่มเอะใจจากเรื่อง รถเบนซ์ G-Class สีดำ ที่ฝากให้ทนายตั้มซื้อ เพื่อใช้ตอนที่กลับมาไทย โดยเล่าว่า รถคันดังกล่าวซื้อแล้วใครเอาไปขับ ด้วยเงินเท่าใด รุ่นตรงไหม และสมุดรถอยู่ที่ไหน จนสุดท้ายมีการทวงคืน แต่ไม่มีกุญแจสำรอง สุดท้ายป้าอ้อยได้กุญแจรถคันนี้คืนที่ศาล  ซึ่งอาจารย์ปานเทพขออุบไว้ก่อน


5. อาจารย์ปานเทพ ได้ถามป้าอ้อยว่าด้วยว่า ถ้าทนายตั้มคืนเงิน และขอขมา จะให้อภัยไหม แต่ยังอุบไว้ว่าป้าอ้อยตอบอะไร


6. อาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่า ผู้จัดการของป้าอ้อยพูดในห้องประชุมเอง ว่ามีความขัดแย้งกับทนายตั้มจริง


7. อาจารย์ปานเทพ คาดว่าทนายตั้มคงระแคะระคายเรื่องนี้ จึงโทรหาลุงสนธิขอนัดเคลียร์เมื่อวันจันทร์ แต่ลุงสนธิไม่ว่าง เพราะติดเป็นเจ้าภาพกฐิน ทนายตั้มจึงไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันพุธเพื่อพูดตัดหน้า ก่อนคดีจะเกิด


8. ทางทีมข่าวผู้จัดการ เห็นว่าทนายตั้มได้พูดว่าได้เงิน 71 ล้าน โดยเสน่หาในโหนกระแส จึงลงข่าวให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า เงิน 71 ล้านนั้น ไม่ได้โดยเสน่หา จากเดิมที่ตั้งใจจะลงข่าวหลังจากกระบวนการยุติธรรมเดินไปแล้วระยะหนึ่ง โดยการลงข่าวครั้งนี้ลุงสนธิไม่ได้รู้เรื่องด้วย


9. อาจารย์ปานเทพ แปลกใจว่า ทนายตั้มออกอาการผิดปกติ ซึ่งไม่เคยหยาบคายแบบนี้ ถึงขั้นโพสต์ต่อว่าลุงสนธิ 2 รอบ ทั้งท้าให้ดื่มปัสสาวะ 1 แก้ว รวมถึงท้าให้มาออกโหนกระแสด้วย (ซึ่งลบทิ้งในภายหลัง) ซึ่งอาจารย์ปานเทพ บอกว่า ทนายตั้มพลาดมากที่มาเปิดศึกรบกับลุงสนธิ


10. อาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่า ที่ลุงสนธิพูดวันศุกร์นั้น เดิมยังไม่มีสคริปท์ และรู้กันว่าโดนนิสัยลุงสนธิถ้าจะทำคือทำเอง ซึ่งที่ผ่านมา ลุงสนธิยังให้เกียรติทนายตั้ม โดย "รอ" กระบวนการ แต่ในเมื่อทนายตั้มมาท้าทายเช่นนี้ ก็เลยจัดให้ไฟไหม้บ้านตามที่พูด


11. อาจารย์ปานเทพ วิเคราะห์ว่า เงินที่ป้าอ้อยโอนให้ จำนวน 71 ล้าน กว่าจะโอนได้ต้อง Declare จากฝรั่งเศสมาที่ไทย และ รวมถึงประเทศไทยด้วย ว่าเงินมาจากไหน และโอนเพื่ออะไร  แต่เงินไม่เข้าบริษัทที่เป็นคู่สัญญา โดยเข้าบัญชีส่วนตัวของทนายตั้มแทน


12. อาจารย์ปานเทพ มีคำถามว่า ทนายตั้มรับเงินก้อนนี้ โดยคิดว่าเป็นรายได้ตัวเองโดยเสน่หานั้น ได้เสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาหรือไม่


13. อาจารย์ปานเทพ เล่าว่า สรุปบริษัทที่จ้างทำแอปให้ป้าอ้อยนั้น ไม่ได้ทำแอปออกมา เพราะไม่ได้รับเงินค่าจ้างที่บริษัทแจ้งไปว่า 20 ล้านบาท ซึ่งภายหลังมีข้อเท็จจริงออกมาว่า ป้าอ้อยจ่ายแล้ว แต่ไม่ได้เอามาจ่ายให้บริษัท


14. อาจารย์ปานเทพ บอกว่า ตอนนี้ที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูล ออกมาเพราะรอทนายตั้มออกมาพูดก่อน ถึงจะเปิดเผยออกมา และแนะนำให้ทนายตั้มออกมาพูดเยอะ ๆ


15. อาจารย์ปานเทพ บอกว่าที่ทนายตั้มยุติการแถลงข่าว โดยบอกว่าป้าอ้อยบินมาไทย นั้น จริงๆ แล้วทนายตั้มไม่รู้ว่าป้าอ้อยอยู่ที่ไหน


16. อาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่า พี่หนุ่ม กรรชัย  โทรหาลุงสนธิจริง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะฟอกขาวทนายตั้ม (ซึ่งพี่หนุ่มก็ไปพูดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์) โดย ลุงสนธิ (พี่หนุ่มเรียกว่า อาสนธิ) ก็เตือนพี่หนุ่มไปว่า ไม่ควรเอาคนอย่างทนายตั้มมาฟอกขาวตนเอง


17. สุดท้ายอาจารย์ปานเทพ ยังยืนยันว่าลุงสนธิให้เกียรติทนายตั้ม เพราะถ้าลุงสนธิจะเชือดทนายตั้มจริง ๆ คงทำไปนานแล้ว เพราะมีข้อมูลเป็นเดือน ๆ


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/deyChEVL5LE


คุณอาจสนใจ

Related News