สังคม

พยานฝ่ายบอสพอล กว่า 20 คน เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เผยอยากตอบแทนบุญคุณบริษัท

โดย gamonthip_s

4 พ.ย. 2567

128 views

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้พาพยานกว่า 20 คน มาให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่ออยากให้ทุกคนเห็นข้อมูลในหลายด้าน



โดย ตัวแทนพยาน คุณมลญ่า กล่าวว่า ตนเป็นดีลเลอร์ขายคอลลาเจน และสินค้าอื่น มาประมาณ 4 ปี จุดเริ่มต้น เกิดจากการได้ลองทานคอลลาเจนก่อน จากนั้นก็เปิดบิลแรกไปประมาณ 5 หมื่นบาท ก็ขายสินค้าในเครือดิไอคอนกรุ๊ปมาตลอด จนตอนนี้อยู่ในระดับตัวแทน Wisdom มีโอกาสได้ไปเที่ยวตามโปรโมชั่นกับทางบริษัทหลายประเทศ อย่างล่าสุด ไปลอนดอน และปารีส เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อย่างกรณีของตนก็มีผู้ที่มาทำธุรกิจร่วมมากกว่า 100 คน แล้วในวันนี้ ตนตัดสินใจมาเป็นพยานและให้ข้อมูลกับตำรวจ ยืนยันว่าตลอดเวลาดิไอคอนก็เจอแต่มุมดี ๆ มีการสอนทำธุรกิจจริง โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มออนไลน์ มีการสอนวิธีการขายต่าง ๆ ทำให้ตนจากคนที่ขายของออนไลน์ไม่เป็น ก็มีความรู้มากขึ้น โดยทางบริษัทเน้นให้เรารู้จักสินค้าในแต่ละอย่างที่ขาย เพื่อจะได้ไปแนะนำลูกค้าได้อย่างถูกต้อง



เมื่อถามถึงรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของดิไอคอน ไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับความขยันในแต่ละเดือน และเศรษฐกิจในช่วงนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ลักษณะการขายสินค้าของตน ก็จะเป็นการไปเจอกับลูกค้า และแนะนำสินค้าต่าง ๆ ให้ ตนก็จะจัดสินค้าให้ลูกค้าแต่ละรายเป็นลัง เพราะส่วนใหญ่จะสั่งซื้อประจำเดือน เนื่องจากจะมีส่วนลดมากกว่า โดยส่วนตัวตนก็จะถนัดขายออฟไลน์มากกว่า เนื่องจากได้เจอลูกค้า และเน้นแนะนำปากต่อปาก  และในส่วนของบอสดาราทั้ง 3 คน ได้มีการแนะนำหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการทำคอนเทนต์ โดยจะให้เลือกเองว่า ถนัดแบบไหนก็จะให้เราเลือกทำแบบนั้น



อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เป็นข่าว ก็มีลูกค้าหลายท่านรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อสินค้าจากตน ก็จะเป็นคนที่มีอายุแล้ว และเมื่อมีข่าวออกมาลูกหลานก็จะเตือน เนื่องจากไม่มั่นใจในสินค้าของบริษัท แต่ยืนยันว่า สินค้าทั้งหมดมี อย. ถูกต้อง อยากให้ลูกค้าทานต่อเนื่องจากตนเองยังมีสินค้าอยู่



สำหรับการออกมาเป็นพยานในวันนี้ ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณบริษัทหรือไม่นั้น มองว่า สิ่งใดที่มีพระคุณ ก็ต้องตอบแทนในชาตินี้ อย่างเช่น ดิไอคอนได้ให้ความรู้ ให้อาชีพ วันนี้เขาได้รับความเดือดร้อน ตนขอตอบแทนพระคุณ เพราะไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีกไหม ตนถือว่าเป็นหนึ่งเมล็ดในดิไอคอน ที่สร้างตนให้เป็นคนที่มีความรู้ขึ้นมา สิ่งที่เสียใจที่สุดคือคนที่มาร่วมทำธุรกิจกับเรา ก็ยังมีสินค้าอยู่ จึงขอฝากบอกผ่านสื่อตรงนี้ว่า อยากจะแสดงความจริงใจให้กับทีมของตัวเอง ไม่มีเจตนาที่จะทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ไม่อยากให้กล่าวโทษใคร



เมื่อถามว่า ดิไอคอน ได้สอนเรายังไงบ้าง คุณมลย่า ตอบว่า เมื่อก่อนเราไม่มีความรู้อะไรเลย ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟซบุ๊ก ก็กังวลว่าทางบริษัทจะไม่สอน แต่ปรากฏว่าบริษัทสอนความรู้ของเรา จนมีโอกาสนำความรู้ที่ได้มาไปสอนคนอื่น และไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง อยากจะขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้มาให้ ทำให้เราสามารถแบ่งปันความรู้เรื่องออนไลน์ให้กับคนอื่นอีกหลายคน แต่หากใครอยากจะเรียนรู้ เรื่องธุรกิจออนไลน์ ก็สามารถติดต่อตนมาได้ ตนยินดีสอนฟรี ทั้งเรื่องการขายสินค้า ขายสร้างตัวตน ยิงแอดโฆษณาต่าง ๆ



โดยหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก เราก็ขอแสดงความเสียใจด้วย เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิด เหรียญมีสองด้าน ความรู้ที่พี่ได้พึงแบ่งปัน เพราะหากมีเงินมากเพียงใดให้เงินไปหากขาดปัญญาแล้วนั้นไซด์เงินนั้นก็จะหมด เพราะเขาไม่รู้ ไม่มีปัญญา ที่จะนำเงินส่วนนี้ไปหาผลประกอบการ แต่หากมีปัญญา ก็สามารถนำเงินเพียงน้อยนิด ไปสร้างอาชีพได้ หรือสร้างผลประกอบการทางธุรกิจได้มากตามที่ต้องการ นี่คือสิ่งที่ถูกสอนมา ให้ใช้ปัญหานำทุน



เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การมาเป็นพยานในวันนี้หลายคนอาจจะมองว่า เป็นการจัดฉากหรือไม่นั้น คุณมลย่า กล่าวว่า การที่เรานัดกับใครหลายคนเพื่อให้มาพูดในสิ่งเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ยาก และมองว่ามันไม่คุ้มกับความเสี่ยงในอนาคต ไม่มีการจัดฉากแน่นอน หากว่าเป็นการจัดฉากจริง คนที่มายืนอยู่ตรงนี้ ก็จะต้องมีการซักซ้อม การตอบคำถามให้เหมือนกัน ซึ่งมันจะทำได้กี่วัน ความจริงก็คือความจริง



อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่สัมภาษณ์  คุณมลญ่า ได้เรียกฝ่ายว่า "ท่าน" เสมอ ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า คุณท่านที่พูดถึง หมายถึงใคร โดยคุณมลญ่า บอกว่า หมายถึงทุกคนในบริษัท ไม่ได้พาดพิงใครเป็นพิเศษ



ด้าน ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ได้พาพยานกว่า 20 คน ในฝั่งของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มาให้การในชั้นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ โดยมาให้การตามข้อเท็จจริง ซึ่งมีพยานที่ยืนยันตนแล้วประมาณพันกว่าคน แต่มีในรายชื่ออยู่ที่ 2,400 คน และมีการติดต่อประสานงานเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยตนเองมั่นใจในข้อเท็จจริง และเชื่อว่าพยานจะให้การตามความเป็นจริง จึงไม่ได้หนักใจอะไร



อีกทั้ง หลังจากนี้ตนเองจะไปปรึกษากับดีเอสไอว่า สามารถขยายกำลังการสอบสวนได้มากเพียงใด รวมถึงจะสามารถส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำพยานในพื้นที่ต่างจังหวัด และต่างประเทศได้หรือไม่ หากทำได้ ตนก็มีแผนเดินสายพบปะพยานทั้งประเทศ เพื่อให้เข้าปากคำกับดีเอสไอในฐานะพยาน



เบื้องต้น จากการประเมินมีตัวแทนกว่า 10,000-15,000 คน แต่จะสามารถดึงพยานเข้าให้ปากคำได้มากเท่าไหร่ตนเองยังไม่ทราบ ซึ่งเชื่อว่าดีเอสไอจะต้องรับฟัง เพราะงานจะหนักในช่วงสอบสวน เพื่อที่ในชั้นอัยการ และชั้นศาล จะได้ง่ายลง หากตัดพยานเหลือเพียง 50 คน ตนก็จะไปร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 สุดท้ายคดีก็จะไม่ไปไหน และอัยการก็จะตีสำนวนกลับอยู่ดี ซึ่งเราจะต้องใช้สิทธิ์พยานทุกปากในฝั่งจำเลย เพราะหมื่นกว่าคน ก็ไม่เคยมาให้การ ก็อาจจะวุ่นวาย และสร้างภาระให้กับอัยการและศาล จึงมองว่าควรให้จบในชั้นสอบสวน และเชื่อว่าดีเอสไอใจกว้างมากพอจะสอบเพิ่ม



ส่วนความกังวลว่าจะจำกัดอิสระภาพของกลุ่มผู้ต้องหานานขึ้นหรือไม่ นายวิฑูรย์ ระบุว่า ฝั่งตนเองเสียหาย และยังต้องขังอยู่ แต่การสู้คดี เราเสียหายตอนนี้ จะสบายในระยะยาว ดีกว่าสบายในวันนี้ และในชั้นศาลมีปัญหา



นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอควรจะรับฟังพยานหลักฐานของฝั่งเราบ้าง เพราะพยานที่มาในวันนี้ เป็นพยานที่ทำธุรกิจจริง และยังมีพยานอีกกลุ่ม คือ พยานโรงงานที่ผลิต ที่จะให้ปากคำว่าได้ส่งสินค้าให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปจริง และอีกกลุ่มที่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านธุรกิจ และกฎหมาย อยู่ระหว่างการประสานเข้าเป็นพยาน คาดว่าน่าจะได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงขอให้กำหนดประเด็นพฤติการณ์ของผู้เสียหายแต่ละคน เพื่อให้ผู้ต้องหาสามารถชี้แจงในแต่ละประเด็นได้

คุณอาจสนใจ

Related News