สังคม

แม่ค้าโอด กล้วยราคาแพงเป็นประวัติการณ์ เหตุภัยแล้งผลผลิตออกน้อย กัดฟันขายราคาเดินหวั่นลูกค้าหาย

โดย kanyapak_w

20 ส.ค. 2567

205 views

วันนี้ (20 ส.ค. 67) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่โซนผลไม้ ตลาดรถไฟขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น สำรวจราคากล้วยน้ำว้า หลังพบว่าช่วงนี้กล้วยน้ำว้าขึ้นปรับราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากเดิมราคาต่ำสุดที่หวีละ 10 บาท แต่ปัจจุบันราคาสูงสุดตอนนี้อยู่ที่หวีละ 60 บาท แแพงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ขายมา เนื่องมาจากช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมากล้วยชาวสวนยืนต้นตายจึงต้องนำเข้ากล้วยมาจากต่างประเทศ



นางสาวประภัสสร อายุ 35 ปี แม่ค้าขายกล้วย กล่าวว่า ช่วงนี้กล้วยน้ำว้าราคาแพง เมื่อก่อน กก.ละ 9-10 บาท ตอนนี้ กก.ละ 16-17 บาท จากต้นทางกว่าจะมาถึงตกกิโลกรัมละ 20 บาท นำมาขายเป็นหวีตกหวีละ 30-50 บาท แล้วแต่ขนาดของกล้วยราคาแพงกว่าปีที่ผ่านมา ปีที่แล้วแพงสุดหวีละ 30 บาท แต่ปีนี้ 40-50 บาท แพงที่สุดเท่าที่เคยขายมา สาเหตุเนื่องจากช่วงเดือน เม.ย - พ.ค ที่ผ่านมาอากาศร้อนและแห้งแล้ง ต้นตาย ต้องนำเข้ามาจากประเทศเวียดนาม ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายกว่าจะมาถึงไทยก็แพงเหมือนกัน กลัวไทยก็พอมีแต่ราคาก็แพงมากเหมือนกัน



ขณะที่นางสาวแพรวนภา อายุ 32 ปี แม่ค้าขายกล้วย กล่าวว่า ราคาขึ้นอาจจะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาแล้งจัด ทำให้กล้วยชาวสวนตายไปเยอะ ความต้องการเท่าเดิมแต่ผลผลิตน้อยลงทำให้ต้องมีการปรับราคาขึ้นจากเดิมเคยขายหวีละ 35 บาท ต้องขายในราคา 50-60 บาท ราคากล้วยน้ำว้าไม่เคยแพงเท่านี้มาก่อน แต่ช่วงนี้กล้วยไทยก็เริ่มออกผลแล้วเพราะว่าฝนตกลงมาแต่ก็อีกหลายเดือนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ช่วงนี้ต้องใช้กล้วยจากประเทศเวียดนามไปก่อน ขายยากขึ้นเพราะว่าลูกค้าไม่ค่อยสู้ราคาลูกค้ามีบ่นบ้างแต่ก็อธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ



ส่วนที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคากล้วยน้ำว้า ตามร้านขายกล้วยปิ้ง ที่ตั้งขายอยู่ริมถนนในเขตเทศบาลตำบลทัพทัน อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี หลังพบว่าช่วงนี้กล้วยน้ำว้าขึ้นปรับราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากเดิมราคาต่ำสุดที่หวีละ 10 – 15 บาท แต่ปัจจุบันราคาสูงสุดตอนนี้อยู่ที่หวีละ 45 - 60 บาท ส่งผลให้ร้านขายกล้วยปิ้ง ทุกร้านต้องแบกรับต้นทุนกันหนัก เนื่องจากยังต้องคงราคาขายและให้ในปริมาณเท่าเดิม เพื่อประคองตัวในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ คนซื้อสินค้ากันน้อยลงทุกวัน



นางมานะ อายุ 46 ปี ซึ่งเปิดร้านขายกล้วยปิ้ง มานานกว่า 20 ปี เล่าว่า ช่วงนี้กล้วยน้ำว้าปรับราคาขึ้นสูงมาก จากเดิมที่เคยรับจากสวนมาส่งที่หวีละ 10 บาท ตอนนี้อยู่ที่หวีละ 25-30 บาท สูงสุดถึงหวีละ 45 บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่ที่ขนาดของผลกล้วย ตอนนี้ยังคงต้องขายกล้วยปิ้งราคาเดิมที่ 4-5 ลูก ในราคา 20 บาท ตนเองก็ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว ซึ่งยังไม่รวมค่าถ่าน ค่าน้ำกะทิ อีกด้วย อีกทั้งตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ลูกค้าก็ซื้อน้อยลง ทำให้ต้องพยายามประคองตัวไปได้วันต่อวันเท่านั้น เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวไร่ ชาวนา



ซึ่งก็อยากให้ นางสาวแพทองทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนใหม่ และรัฐบาลใหม่เข้ามาช่วยดูแลปากท้องรากหญ้า เพราะตอนนี้เดือดร้อนกันมาก

คุณอาจสนใจ

Related News