จนท.ช่วยเหลือเด็ก 5 ขวบ โดนรุ่นพี่บังคับมีเพศสัมพันธุ์ พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และบ้านพักเด็กจังหวัดกำแพงเพชร ได้เดินทางไปพบกับ “นายอัครพงษ์” อายุ 36 ปี (พ่อของเด็กหญิง 5 ขวบ) และครอบครัวเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิ์ทางกฎหมายพร้อมทั้งติดตามเรื่องคดีความ

หลังจากเกิดเหตุมีคลิปหลุดดังกล่าวก็ได้นำเด็กหญิงวัย 5 ขวบ มาอยู่บ้านพักในตัวเมืองกำแพงเพชร กับญาติฝั่งพ่อ โดยหลังจากนี้ผู้เป็นพ่อจะพาลูกสาวเข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐานและคลิปวิดีโอเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อเอาผิดกับครอบครัวของรุ่นพี่ อายุ 12 ปี ซึ่งหลังจากเกิดเหตุก็ยังไม่มีการพูดจาขอโทษหรือไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็จะเดินทางไปที่โรงเรียนของผู้ก่อเหตุ หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนได้นัดทุกฝ่ายเข้าเจรจาหาทางออก พ่อเด็ก 5 ขวบ เล่าว่า หลังจากนี้ตนจะพาลูกสาวไปตรวจร่างกายและนำหลักฐานทั้งหมดเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อติดตามเรื่องคดีตนกลัวว่าคดีจะเงียบ ซึ่งก็อยากประสานเจ้าหน้าที่ พม.ให้ย้ายโรงเรียนลูกสาวของตนมาอยู่ในความดูแล ซึ่งในส่วนของฝั่งผู้ก่อเหตุก็ยังไม่มีการเข้ามาขอโทษหรือเจรจาแต่อย่างใด โดยเมื่อวานก็ไปเจอกันที่โรงพัก ก็ไม่มองหน้ากันเชิ่ดหน้าใส่ตน ซึ่งก็ไม่ยอมรับว่าลูกตัวเองผิด ตนก็อยากให้ถึงที่สุดในเรื่องคดีความ

ต่อมาเวลา 10.50 น. ทางคณะครูและผู้อพนวยการโรงเรียนที่เด็กๆ ทั้งหมดเรียนอยู่ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และบ้านพักเด็กจังหวัดกำแพงเพชร ได้เดินทางไปยังบ้านเด็กเด็กชายที่ถูกกระทำ โดยแม่เด็กได้เล่าว่า “หลังจากเกิดเหตุก็ได้พูดคุยกับพ่อของเด็กหญิง 12 ปี ที่ก่อเหตุ ซึ่งก็ไม่ค่อยรับฟังสักเท่าไร ยังเชื่อว่าลูกนั้นเป็นเด็กทำอะไรไม่ผิด ซึ่งตนก็เป็นญาติกับฝ่ายก่อเหตุด้วยก็ไม่อยากเอาเรื่องอะไรเพราะลูกของตนเป็นผู้ชายแต่ในส่วนของเด็กหญิง 5 ขวบ อันนี้ก็ไม่รู้เป็นเรื่องของเขา โดยในส่วนของตนนั้นก็มีฝากให้ฟังรุ่นพี่อายุ 12 ปี ดูแลเพราะบ้านอยู่ติดกัน ไม่คิดว่าจะพาลูกของตนไปทำแบบนี้

ต่อมาได้เดินทางไปยัง บ้านของเด็กหญิง อายุ 12 ปี โดยพบกับพ่อของเด็ก อายุ 12 ปี นร.ชั้น ป.6 เล่าว่า “ลูกสาวได้มาอยู่กับตนได้เพียงหนึ่งปีเศษ เนื่องจากแม่ได้เสียชีวิตลงไป ซึ่งในช่วงระหว่างอยู่กับตนเองก็เป็นเด็กดีขยัน อยู่ง่ายกินง่าย ซึ่งตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกสาวของตนมีพฤติกรรมแบบนี้ พอถามก็พูดคำตอบคำ ซึ่งตนก็ดูแลใกล้ชิดตลอดไม่รู้ว่ารอดหูรอดตาไปได้อย่างไร ซึ่งตนก็ได้ตักเตือนลูกสาวแล้ว ซึ่งก็หน้าจะรู้สึกผิดและสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะมีรูปของตนเองอยู่ในคลิปทำให้อับอาย ในส่วนของคดีความจากนี้ไปคงต้องหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ยกันทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกร่วมกัน"