เร่งแกะรอยเครือข่าย 'เจ๊พลอย' หลอกจำนำรถ หลังสร้างความเสียหายนับ 100 ล้าน

ผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 100 ราย ซึ่งตกเป็นเหยื่อของเพจรับจำนำรถ หลังจากนำเงินไปไถ่ถอนรถแล้ว กลับพบว่ารถถูกนำไปขายต่อให้กับกลุ่มนายทุนตั้งแต่สัปดาห์แรกที่จำนำ นอกจากเป็นการซ้ำเติมให้กับเจ้าของรถเป็นอย่างมากแล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการนำรถในตลาดมืดไปก่ออาชญากรรมร้ายแรงตามมา



เมื่อเอ่ยถึงเพจรับจำนำรถ ซึ่งมีนายหน้า ชื่อ นส.แพรวศิญา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น พลอยชมพู อายุ 37 ปี ซึ่งเจ้าของรถกว่าหนึ่งร้อยคนอยากพบตัว เนื่องจากได้โอนไถ่ถอนรถไปแล้ว กลับพบว่ารถถูกขายต่อไปยังนายทุนตั้งแต่สัปดาห์แรก จนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะทั้งต้องผ่อนกับไฟแนนซ์และหาเงินไปไถ่ถอนรถคืน แต่กลับไม่ได้คืน



เจ้าของรถรายนี้บอกว่า นส.พลอย ได้สร้างความลำบากให้อย่างมาก เพราะนำรถไปจำนำและกู้เงินมาสามหมื่น แต่หลังจากไถ่ถอนก็ต้องเสียเงิน เสียเวลาตามรถเอง และยังมีคนติดต่อเข้ามาอ้างเป็นทนายจะติดตามรถคืนให้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการห้าหมื่นบาท ซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีก



หลังตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการทลายโกดังเพจรับจำนำรถเจ๊พลอยชลบุรี ได้ จึงพบว่ารถแทบทุกคัน ถูกจำนำมาจากเพจของ นส.พลอย และถูกขายให้นายทุนทันที



โดย นส.พลอย ลงทุนรับจำนำรถแต่ละคันไม่กี่หมื่นบาท แต่นำไปขายในราคามากกว่าแสนบาท และปรากฏหมายเลขคดีเจ้าทุกข์ที่ นส.พลอย นำรถไปขายมากกว่า 130 คัน แต่จะสร้างความเสียหายเลวร้ายต่อไปอย่างไม่หยุด



พันตำรวจเอกบุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 กองปราบปราม วิเคราะห์ว่า หากขบวนการนี้ยังอยู่ต่อไปจะทำให้มีรถที่อยู่ในตลาดมืดพร้อมจะนำไปสู่การก่อคดีอุกฉกรรจ์ เนื่องจากรถได้เปลี่ยนมือไปหลายทอด จนไม่ทราบว่าใครนำไปก่อคดี



รถหลายคันมีราคามากกว่า แปดแสนบาทไปจนถึงกว่าล้านบาท แต่เมื่อเจ้าของมีความจำเป็นต้องใช้เงิน จึงนำมาจำนำในราคาต่ำ เพื่อจะไถ่ถอนภายใน 1-3 เดือน แต่รถราคาเกือบล้าน กลับขายในราคาแสน เพราะ นส.พลอย ไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่มีต้นทุน เมื่อขายไปแล้วก็ไม่รับผิดชอบใดๆ นส.พลอย นับเป็นต้นเหตุ ของการก่ออาชญากรรมรายใหญ่



ขณะที่เครื่อข่าย ถูกจับแล้ว 6 ราย ส่วนนส. พลอย มีหมายจับมากกว่า 13 คดี รถที่ถูกขายไป 135 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งนอกจากถูกดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชนแล้ว ยังมีความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินด้วย