สังคม

เปิดนาทีรวบ 'ใบหนาด' หลอกขายทอง พบผู้เสียหายกว่า 500 ราย เจ้าตัวขอโทษ ยันพร้อมรับผิดชอบ

โดย panwilai_c

9 ต.ค. 2567

83 views

ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายกว่า 500 คน แจ้งความเอาผิด "ใบหนาด" พ่อค้าออนไลน์ขายทองผ่านติ๊กต่อก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจตามไปรวบได้คาบ้านที่จังหวัดปทุมธานี



นี่เป็นวินาทีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คุมตัว นาย พรมธาดา นาคเจริญ หรือใบหนาด กรรมการบริษัทห้างเพชรทอง ธาดาโกลด์ ผู้ต้องหา ในคดี ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไปค้นที่โกดังอีกแห่งหนึ่งในอำเภอลาดสวาย จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม



ก่อนจะคุมตัวเข้ามาที่กองบัญชาการตอนเที่ยง 50 นาที ซึ่งผู้สื่อข่าวสังเกตว่า ใบหนาด เดินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าอยากขอโทษผู้เสียหายหรือไม่ แต่ใบหนาด ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน พูดแค่เพียงว่า "จะขอชี้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เท่านั้น"



เมื่อช่วงบ่าย 3 โมงที่ผ่านมา พลตำรวจตรี จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 เปิดเผยว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ทั้งหมด 4 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้แก่ 1. บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรู ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยผลจากการตรวจค้น ไม่พบผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน



จุดที่ 2 เป็นบ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.สวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี แต่เป็นผู้เช่ารายใหม่ และพบพัสดุจากผู้เสียหายที่ส่งกลับมายังบ้านหลังดังกล่าว



จุดที่ 3 เป็นบ้านพักหลังหนึ่งใน ม.5 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้นพบเฟอร์นิเจอร์สำหรับเก็บทองซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเฟอร์นิเจอร์ที่ปรากฏใน Tiktok live อุปกรณ์สำหรับเก็บทอง อุปกรณ์สำหรับ Live และเอกสารสำคัญอีกหลายรายการ



จุดที่ 4 บ้านพักหลังหนึ่งใน ม.4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สามารถจับใบหนาดได้ โดยหนีมากบดานที่นี่ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา



พลตำรวจตรี อรรสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการ สอท. เปิดเผยว่า ใบหนาดรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตั้งแต่ปี 2561 เคยเป็นลูกจ้างร้านทองที่ จ.สุราษฎร์ธานี จนเรียนรู้วิธีการขายทอง จนถึงปี 2566 ก็เริ่มอยากทำกิจการของตนเอง เลยไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อขายทองด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แล้วเริ่มไลฟ์เพื่อขายทอง โดยจะใช้วิธีการโฆษณาจูงใจ ให้ลูกค้าซื้อทองในราคาต่ำกว่าราคาตลาด 50% เช่น ราคาทอง 1 บาทอยู่ที่ 40,000 บาท ก็จะขายลงมาที่ประมาณ 20,000 บาท ทอง 2 สลึงราคา 20,000 บาทก็จะขายที่ราคา 9,999 บาท และจะใช้วิธีหลอกจูงใจลูกค้าหลายอย่าง เช่น หาผู้โชคดีที่ซื้อทองเร็วที่สุด 3 ราย เพื่อขายเพียงแค่ราคา 9,999 บาท ทำให้ลูกค้าเข้ามาลงซื้อเป็นจำนวนมาก



สาเหตุที่เรื่องแดง เพราะราคาทองคำปรับตัวสูง ทำให้ไม่สามารถหมุนเงินมาซื้อทองได้ทัน พอผู้เสียหายไปแจ้งความแล้วบอกต่อกันเลยทำให้เรื่องแดงขึ้น จนสุดท้ายไม่มีใครเข้ามาซื้อทองคำ และต้องปิดกิจการ



จากการตรวจสอบพบว่า มูลค่าความเสียหายสูงถึง 180 ล้านบาท และพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีใบหนาดถึง 200 ล้านกว่าบาท ทว่ากลับพบเงินในบัญชีทั้ง 3 บัญชีของใบหนาดไม่ถึงหมื่นบาท เชื่อว่าน่าจะมีพฤติการณ์ฟอกเงินอย่างแน่นอน



นอกจากนี้ตำรวจยังสงสัยแอดมิด 3 คนที่ดูแลระบบว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องการกับฉ้อโกงหรือฟอกเงินด้วย ส่วนกรณีที่มีนักร้องชื่อดังได้ไปร้องเพลงให้กับใบหนาดจากการตรวจสอบพบว่าเป็นเพียงแค่การว่าจ้าง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง



ภายหลังจากตำรวจไซเบอร์ได้สอบปากคำใบหนาดเสร็จ ได้ควบคุมตัวลงมาจากอาคารกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ มุ่งหน้าไปยังศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อสอบปากคำต่อ โดยในระหว่างนำตัวขึ้นรถนั้นใบหนาดบอกกับนักข่าวว่า ขอโทษลูกค้าทุกคนและพร้อมรับผิดชอบ



สำหรับความผิดของใบหนาด พบว่าขายทองจริง จึงไม่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง แต่ไม่ส่งทองให้จึงมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่โฆษณาไว้


https://youtu.be/OSlJptUHyMM

คุณอาจสนใจ

Related News