สพฐ.สั่งช่วยเด็กหญิง 8 ขวบ ถูกเพื่อนรุมทำร้าย พ่อทำใจไม่ได้ เรียกเงิน 3 แสน-ย้ายไปเรียนที่อื่น

สพฐ.สั่งช่วยเหลือเด็กหญิง 8 ขวบ ถูกเพื่อนรุมทำร้าย กดหัวลงน้ำในถัง ใช้แปรงขัดห้องน้ำตีหลัง จนเป็นแผลระบมเต็มตัว พ่อเด็กยังรับไม่ได้ เสนอเรียก 3 แสนบาท เรียกร้องให้ย้ายลูกสาวไปเรียนที่อื่น

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานที่โรงเรียนบ้านท่าแต้ปุ่ง ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ. นครพนม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้สั่งการให้ ดร.อมรรัตน์ เชิงหอม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา นครพนม เขต 2 พร้อมด้วยนางสาวสุพรรณี ศรีสุพรรณ เจ้าพนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ยุติธรรมจังหวัดนครพนม นายวิชพงษ์ ถินจันทร์ ปลัดอำเภอ รวมถึง เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเด็กหญิงอายุ 8 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถูกเพื่อนรุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ มีแผลฟกช้ำตามตัว โดยก่อนนี้ ทางผู้ปกครอง นำคลิปร้องผ่านซื่อโซเชียล เพื่อเรียกร้องหาคนรับผิดชอบ พร้อมระบุรับไม่ได้กับพฤติกรรมเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ก่อเหตุ

ทั้งนี้ ดร.อมรรัตน์ หารือร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งผู้บริหาร ครูในโรงเรียน รวมถึงมีการสอบถามข้อเท็จจริง ระหว่างเด็ก กับผู้ปกครอง ทั้งผู้เสียหาย และผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่ามีการก่อเหตุจริง เป็นความไม่พอใจระหว่างเด็กนักเรียน เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีจำนวน 4 คน สั่งให้ไปขอข้าวกับครูมากิน แต่ผู้เสียหายไม่ไปเพราะเกรงใจครู ทำให้กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นทั้ง 4 คน ไม่พอใจ เชื่อว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งตามประสาเด็ก ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ช่วงพักเที่ยงจึงลากตัวน้องไปกดลงน้ำในถังห้องน้ำ จนสำลักน้ำหลายครั้ง รวมถึงเอาแปรงขัดห้องน้ำตีหลัง จนเป็นแผลฟกช้ำ รวมถึงจับหัวโขกพื้น และปล่อยตัวออกมา ข่มขู่ห้ามบอกใคร ด้วยความกลัวทำให้น้องไม่ยอมบอกครู จนกลับถึงบ้าน แม่เห็นบาดแผลเลยเค้นถาม น้องจึงตอบความจริง ผู้ปกครองเลยแจ้งครูให้ตรวจสอบ แสดงความรับผิดชอบ และเรียกกลุ่มเพื่อนที่ก่อเหตุมาชดเชยเยียวยา ขณะเดียวกันได้มีญาตินำคลิปเด็กหญิงในสภาพมีบาดแผลมาโพสต์ เรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมาช่วยเหลือ ทำให้เป็นข่าวดัง

ส่วนแนวทางการช่วยเหลือ ดร.อมรรัตน์ เปิดเผยว่า จะต้องใช้การหารือสอบข้อเท็จจริง วางแนวทางช่วยเหลือกับหลายหน่วยงาน เพราะผู้เสียหาย ผู้ก่อเหตุ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา อาจจะต้องใช้ทีมนักจิตวิทยา เข้ามาช่วยดูแลเจรจา เบื้องต้นทางผู้ปกครอง ฝ่ายก่อเหตุพร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบ แต่ทางผู้เสียหายยังได้รับผลกระทบทางสภาพจิตใจ ต้องใช้เวลาสักพัก ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และต้องวางมาตรการดูแล ไม่ให้เกิดซ้ำอีก รวมถึงจะต้องแก้ปัญหาให้ผู้เสียหาย มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น อาจจะต้องย้ายโรงเรียนไปอยู่โรงเรียนใกล้เคียง หากยังหวาดผวา ส่วนการดำเนินคดีขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง ผู้เสียหาย ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา นครพนม เขต 2 พร้อมดูแลเต็มที่ ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่ทราบข่าวช้า เพราะเด็กกลัวจึงไม่กล้าบอกตั้งแต่แรก

ส่วนพ่อของเด็กหญิงผู้เสียหาย อายุ 37 ปี กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้ สงสารลูก ทั้งโดนทำร้าย รวมถึงสภาพจิตใจย่ำแย่ ยืนยันยังไม่ให้ไปเรียนที่เดิม และขอให้โรงเรียนหาทางช่วยเหลือ เพราะจะปิดเทอมแล้ว อาจจะต้องให้ย้ายโรงเรียน ให้อภัยได้ หากผู้ปกครองรวมถึงโรงเรียน ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เบื้องต้นเรียกร้องค่าชดเชยเยียวยา 300,000 บาท ไม่ต้องการเงิน แต่อยากให้เป็นบทเรียน ไม่ให้ก่อเหตุลักษณะนี้อีก และการเจรจา ยังไม่ขอพูดคุยกับผู้ปกครองผู้ก่อเหตุ ขอให้สภาพจิตใจดีขึ้น และหากไม่สำนึกไม่มีคนแสดงความรับผิดชอบ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย