สังคม
'ทนายสายหยุด' ถอนตัวคดี 'ทนายตั้ม' ด้าน 'ทนายอาคม' แฉตั้ม ไม่ให้ใช้โฉนดบ้านประกันตัวเมีย
โดย nattachat_c
26 พ.ย. 2567
21 views
เปิดสาเหตุ 'ทนายสายหยุด' ถอนตัวคดี 'ทนายตั้ม' หลังพบพิรุธเอกสาร ชี้ เคยพูดมาตลอดหาก 'ทนายตั้ม' มีเอี่ยวคดี 39 ล้าน จะไม่ทำคดีต่อ ระบุ เคยแนะให้รับสารภาพ-คืนทรัพย์ แต่เจ้าตัวไม่ยอม เหตุยังพอมีทางสู้คดีต่อ ลั่น ส่วนตัวเชื่อ 'ทนายตั้ม' มีส่วนเกี่ยวไม่มากก็น้อย
ด้าน 'ทนายอาคม' เผย เคยเตรียมเอาโฉนดบ้านไปวางศาลขอประกันตัว 'เดือน เมียทนายตั้ม' แต่ตัวทนายตั้มไม่ยอม พร้อมถามกลับ “ถ้าเอาบ้านไป ผมจะเอาหลักทรัพย์ไหนประกัน” - ก่อนบอกแอบเชียร์ 'ทนายเดชา' เป็นทนายคนต่อไป
ขณะที่ น้องสาวทนายตั้ม แจงปมพี่ชายไม่ให้ใช้โฉนดบ้านประกันตัวพี่สะใภ้ไม่เป็นความจริง ชี้ พี่ชายรักครอบครัวมาก ส่วนทนายความคนใหม่กำลังหา ต้องรอพี่ชายตัดสินใจร่วมด้วย
กรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เปิดเผยว่า ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู เจ้าของฉายา 'ทนายปาเกียว' ทนายความผู้ได้รับการมอบหมายจาก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ 'ทนายตั้ม' ให้เป็นทนายความผู้ทำคดีฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ 'มาดามอ้อย' ('เจ๊อ้อย') เศรษฐินีพันล้าน จำนวน 71 ล้านบาท แต่ล่าสุด 'ทนายสายหยุด' ไปต่อไม่ไหวแล้ว เตรียมถอนตัวจากการเป็นทนายความทำคดีให้ทนายตั้ม ซึ่งกระแสข่าวตอนแรกบอกว่า เนื่องจากมีเอกสารเท็จหลายอย่าง รวมทั้งกระแสสังคมที่บอกว่าไร้จริยธรรม
วานนี้ (25 พ.ย. 67) ทีมข่าวได้คุยกับทนายสายหยุด หลังจบรายการโหนกระแส โดยทนายสายหยุด ไล่เรียงว่า สาเหตุที่ต้องถอนตัวเนื่องจากตนเคยประกาศเอาไว้ว่า หากคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท ทนายตั้มมีส่วนเชื่อมโยงกับ 'นุ-สาริณี' และมีส่วนเชื่อได้ว่ากระทำความคิดจะไม่ทำคดีนี้เด็ดขาด
จากนั้น ตนได้ถามพนักงานสอบสวนเรื่องเงิน 39 ล้านบาทนี้ว่า นุและสาริณี รวมทั้งทนายตั้ม จะแยกเป็นอีกหนึ่งสำนวนหรือหนึ่งคดีหรือไม่ ปรากฏว่าไม่แยก จะนำไปรวมกับ คดี 71 ล้านบาท คดีรถเบนซ์ และคดีจ้างออกแบบ ดังนั้น พอนำมารวมกัน คดี 39 ล้าน แนวทางการต่อสู้คดีคือ จะให้ทนายตั้มรับสารภาพ ส่วนอีก 3 เรื่องเดิม หากจะสู้ก็สู้ไป แต่ทนายตั้มบอกว่าจะสู้ทุกอย่าง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องปลอมเอกสารอีก แต่ไม่รู้ว่าเป็นการปลอมเอกสารสัญญา หรือว่าพินัยกรรม เพราะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในประเด็นนี้
ทนายสายหยุด กล่าวต่อว่า อีกสาเหตุคือตนรู้ข้อเท็จจริงไม่ครบ ส่วนนี้เป็นอันตรายต่อชีวิตการทำงาน ขณะเดียวกัน เมื่อตนประกาศยุติการเป็นทนายความแล้ว ก็จะส่งผลดีต่อตัวทนายตั้มด้วย ที่ต้องไปหาทนายความที่มีแนวคิด และแนวทางตรงกัน ดังนั้น รีบออกมาจะดีกว่า
ส่วนเรื่องเอกสารเท็จ ยืนยันว่า ไม่เคยพูด แต่อาจเกิดจากการสื่อสารผิดพลาด จากการที่อาจารย์ปานเทพนำเอกสารมาเปิดกับที่ตนมีอยู่ไม่เหมือนกัน จึงไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม โดยเอกสารที่ทนายสายหยุด ลงวันที่ 5 กุมภา 66 เอกสารที่นายปานเทพมีคือ 3 กุมภาพันธ์ 66 แต่เซ็นถึงวันที่ 5 กุมภา ซึ่งเป็นสัญญาร่างทำแอปฯ หวยออนไลน์
แต่มองว่า เอกสารที่อาจารย์ปานเทพมีอยู่จริง 100% เพราะมีลายมือชื่อ แต่ของตนไม่มี และหากตนนำเอกสารตัวนี้ไปอ้างใช้ ประกอบสำนวนให้ทนายตั้ม อาจจะโดนข้อหาใช้เอกสารเท็จไปด้วย แต่ยืนยันว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยยื่นเอกสารใด ๆ ให้กับพนักงานสอบสวนเลยเพราะว่าไม่มั่นใจ
ทนายสายหยุด กล่าวว่า จากการที่ทนายอาคมเข้าไปเยี่ยม และทนายตั้มบอกว่า จะสู้หลังชนฝา พอมาคุยกันแล้ว สำหรับแนวทางดังกล่าวมองว่าไม่ตรงกัน แต่หากจะสู้ก็สู้ไป ผิดไม่ผิด ฉ้อโกงไม่ฉ้อโกง แต่เรื่องทรัพย์สินมองว่าควรจะต้องคืน
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (25 พ.ย. 67) เวลาประมาณ 08.30 น. เข้าไปแจ้งทนายตั้มเรื่องการถอนตัวแล้วที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งทนายตั้มเองก็พอรู้คร่าว ๆ มาก่อนแล้ว เพราะเคยบอกว่า หากมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่งคดี 39 ล้าน คงไม่ไปต่อ ซึ่งครั้งนี้ก็ได้ถามก่อนว่า จะคืนทรัพย์หรือไม่ จะรับสารภาพหรือไม่ แต่ทนายตั้ม ยืนยันว่า “มีช่องทางสู้ได้ ผมจะสู้” ส่วนสีหน้าท่าทางธรรมดาของคนอยู่ในเรือนจำ ต้องมีความกังวลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า พอทนายสายหยุดบอกว่าจะถอนตัว ไม่ทำคดีแล้ว ทนายตั้มมีการยื้อหรือไม่ ทนายสายหยุด ระบุว่า ไม่มีการยื้อ เพราะตนพูดแล้วว่า ถ้าทำคือทำ ถ้าไม่ก็คือไม่ แต่ถ้าหากทำต้องทำตามเงื่อนไขของตน คือ คืนทรัพย์ และรับสารภาพเรื่องเงิน 39 ล้าน แต่ในฐานะความเป็นเพื่อนร่วมงาน เคยเป็นหัวหน้าสำนักงาน อะไรที่พอจะช่วยเหลือดูแลได้ ในฐานะเพื่อนก็พร้อมช่วย แต่เรื่องคดีคงไม่คุยแล้ว
เมื่อถามถึง กรณีที่ทนายสายหยุดบอกให้ทนายตั้มรับสารภาพเรื่องเงิน 39 ล้าน ดั้งนั้น เชื่ออยู่แล้วหรือไม่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ประเด็นนี้ ทนายสายหยุด บอกว่า พยาน คือ นายเล็ก คนขับรถทนายตั้ม ยอมรับว่า รับเงินไป 20 ล้าน แล้วเอาเงินไปให้ทนายตั้มที่บ้าน ดังนั้น ตามความรู้สึกขอถามหน่อยว่า ไม่เกี่ยวได้ยังไง? มองว่าทุกขั้นตอนมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่จะผิดหรือไม่ผิดนั้น ส่วนตัวไม่รู้ แต่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหลายขั้นตอน
ทนายสายหยุด ยังกล่าวว่า ส่วนตัวพอเริ่มมาทำคดี แรก ๆ ไม่ได้มีความกดดันอะไร คิดว่าจำเลยต้องมีทนายความอยู่แล้ว แต่ตนไม่คิดว่ากระแสสังคมจะมากมายขนาดนี้ กระแสสังคมเขาไม่แยกแยะระหว่างการทำหน้าที่กับศีลธรรม ตนจึงโดนด่าว่าเป็นคนไม่มีศีลธรรมไปด้วย รวมทั้งคนรอบตัว ญาติพีน้อง โดนด่ากันไปด้วยหมด แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่หากถามว่าสนใจเรื่องกระแสสังคม หรือไม่ยอมรับว่าสนใจ
ทนายสายหยุด กล่าวว่า เรื่องแนวคิดการทำคดี ยิ่งมันไม่ตรงกัน หากออกมาได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีต่อทนายตั้ม แต่ขอไม่วิเคราะห์ทิศทางคดีต่อจากนี้ของทนายตั้ม
ด้านนายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความของนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือ 'เดือน' ภรรยาของทนายตั้ม กล่าวถึงกรณีที่ทนายสายหยุด ถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ทนายทนายตั้ม ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ น่าจะเป็นการเตือนสติให้กับทนายตั้มว่า ทนายที่ทำคดีมาแล่ว 2 เดือน ตัดสินใจยุติบทบาท เพราะฉะนั้น ข้อเท็จจริงมันอาจบ่งชี้ไปในทิศทางที่น่าเชื่อได้ว่าทนายตั้มมีส่วนร่วมกระทำความผิด เพราะฉะนั้น การรับสารภาพ การเยียวยาให้กับผู้เสียหาย เป็นเรื่องที่พึงกระทำ
ก่อนจะเล่าย้อนว่า วันที่ไปเยี่ยมทนายตั้ม แต่ก่อนจะไปเยี่ยมคือเข้าเรือนจำไปแล้ว 10 กว่าวัน บางช่วงทนายตั้มมีร้องไห้ น้ำตาซึม เพราะลูกเขาฝากจดหมายมาถึงทนายตั้ม ทนายตั้มจึงร้องไห้ด้วยความคิดถึง
อีกเรื่อง เมื่อตนไปเยี่ยม ปรากฏว่าทนายตั้มก็ถามตรง ๆ เลยว่า “ผมมีโอกาสรอดไหมพี่” แต่ยังยืนยันไปว่า ให้คืนเงินเถอะ แต่ทนายตั้มก็กังวลว่า หากคืนแล้วคงไม่เหลืออะไรเลย ก่อนจะเล่าถึงยอดว่า “บ้าน 40 กว่าล้าน ตกแต่งอีก ตกแต่งภูมิทัศน์อีก 10 กว่าล้าน รวม ๆ 70 กว่าล้าน อีกทั้งมีเงินในบัญชีอีก 29 ล้าน ซึ่งตัวเลขทั้งหมดนี้มันใกล้เคียงกันมากที่เอาจากเจ๊อ้อยมา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เขาต้องพิสูจน์ ซึ่งเขาต้องพิสูจน์ว่าได้มาจากการว่าความทั้งหมดหรือไม่
ส่วนกรณีของนางปทิตตาหรือ 'คุณเดือน' ทนายอาคม กล่าวว่า กรณีของคุณเดือนเอง เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องในวันที่รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่านั้น ซึ่งตอนแรกคุณเดือนมีความรู้สึกงงว่าโดนคดีได้ยังไง ตอนที่เจอคุณเดือนครั้งแรก ไม่เชื่อว่ากระทำความผิด เพราะเขาร้องไห้หนักมาก พร้อมถามว่า ทำไมพี่อ้อยทำกับหนูแบบนี้ ตอนอยู่ด้วยกันคือรักกันมาก แต่ส่วนตัวแนวคิดของตนคือ หากคุณเดือนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ก็แค่เอาที่ดินไปคืนเขาเท่านั้น
พร้อมกันนี้ ในส่วนของคุณเดือนเอง ส่วนตัวรับรู้ว่าทนายตั้มเอาเงินที่ซื้อบ้านมาจากเจ๊อ้อย แต่ไม่รู้ว่าทนายตั้มไปทำอย่างไรถึงได้เงินนี้มา แต่ส่วนที่หลายคนจะมองว่า สามีภรรยากันไม่รู้เรื่องจริงหรือ ทนายอาคม บอกว่า เป็นธรรมดาที่คนจะคิดแบบนี้ ซึ่งส่วนตัวก็ตั้งคำถามไปเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการวางแนวทางว่า หากไม่รู้ กล้าเอาที่ดินไปวางต่อศาลหรือไม่ ซึ่งคุณเดือนก็บอกว่าสามารถทำได้
จากนั้น ตนเตรียมคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของคุณเดือน และแจ้งทนายตั้มก่อนเป็นสัปดาห์ ซึ่งได้รับรายงานจากทนายสายหยุดว่าทนายตั้มโอเค พอนำคำร้องเข้าไปอธิบายแผนว่า จะใช้บ้านให้คุณเดือน ไปวางประกันที่ศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ปรากฏว่าทนายตั้มถามกลับ “ถ้าพี่เอาบ้านไป ผมจะเอาหลักทรัพย์ที่ไหนประกัน” พอฟังแล้วก็ไม่ถามต่อเลยว่า "แล้วภรรยาคุณจะเอาอย่างไร" เพราะฟังแค่นี้ก็เข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องถาม สื่อสารแค่นี้ก็รู้แล้วว่า เขาเป็นห่วงตัวเอง
บางครั้งก็คิดว่า “หืม ไม่คิดจะปล่อยเมียออกมาบ้างเลยหรอ?” แต่ประเด็นคือ ตอนนี้ คุณเดือนก็ยังไม่ทราบเรื่อง เราเองก็พูดไม่ได้ ไม่รู้จะพูดยังไง เดี๋ยวครอบครัวเขาแตกแยก พอเข้าไปในเรือนจำแล้ว หลายคนอาจความคิดเปลี่ยน ทุกคนก็คงคิดจะเอาตัวรอดกันหมดทุกคน มองว่ามันเป็นพื้นฐานของมนุษย์
โดยขณะนี้ ตนได้มีการยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ประกันตัวคุณเดือนแล้ว ซึ่งศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ตัวเองจะเป็นทนายให้ภรรยาทนายตั้ม เฉพาะในชั้นสอบสวน ส่วนในชั้นศาล คงต้องให้ทนายคนอื่นมาดูแล
ส่วนกระแสข่าวว่าทนายตั้มไม่ยอมให้ทนายอาคมนำโฉนดบ้านไปยื่นประกันคุณเดือน คุณแตม น้องสาวทนายตั้ม บอกว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้
อีกอย่าง พี่ตั้มเป็นคนที่รักครอบครัมาก งงมากว่าทนายความไปพูดแบบนี้ได้ยังไง ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดคุยกันภายใน ทุกอย่างมีเหตุและผล แต่ขอไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่ขอยืนยันว่า ไม่ใช่แบบที่ทนายความเอาไปพูกอย่างแน่นอน
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Vf12yW19a4k
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทนายสายหยุด ,ทนายอาคม ,ทนายตั้ม ,ทนายเดชา ,คดี 39 ล้าน