สังคม
"เคนโด้" ยันไม่เกี่ยวข้องดิไอคอน เดินหน้าฟ้องกลับทำให้เสียหาย ย้ำไม่มีสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์
โดย nutda_t
4 ชั่วโมงที่แล้ว
90 views
เคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของบอสพอล บอกว่า บอสพอล ต้องการให้ดำเนินคดีกับ พิธีกร ค. ที่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ดิ ไอคอน กรุ๊ป มาก่อน และได้รับผลตอบแทนแบบเดียวกับบอสกันต์ แต่กลับไปเดินสายแฉดิ ไอคอน กรุ๊ป ในรายการต่างๆ
เคนโด้ กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจที่โดนพาดพิง เพราะตนอยู่ในฝั่งตรงข้ามกับบอสพอล มาตั้งแต่ต้น เพราะพาผู้เสียหายมาแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท และเมื่อ 2 วันก่อน ตนได้มาให้การกับตำรวจแล้ว นานกว่า 5-6 ชั่วโมง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และบอกเลยว่า ตนเป็นพยานปากเอกของคดีนี้ เพราะมีข้อมูลหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อคดีและคนที่เดือดร้อน ยืนยันว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถ้าตนเกี่ยวข้อง ต้องโดนตำรวจรวบไปแล้ว
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตนเคยร่วมงานกับดิ ไอคอน กรุ๊ป จริง โดยภาพที่เกิดขึ้นเป็นปีแรกๆ ช่วงปี 2562-2564 ที่ยังไม่เกิดความเสียหายขึ้น ตอนนั้น บอสพอล ติดต่อให้ตนเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ช่วยถอดบทเรียนจากเมจิกสกินที่ตนเป็นคนแฉ ว่าต้องทำธุรกิจแบบนี้ยังไงให้มันถูกต้อง ตนจึงเข้าไปเขียนธรรมาภิบาล และไปพูดรับรอง เพื่อให้ความรู้การทำธุรกิจออนไลน์ที่ถูกต้อง
แต่ถ้าวันหนึ่ง ที่ธุรกิจมันไม่ถูกต้องแล้ว ตนก็ไม่อยู่ต่อ เมื่อเห็นความผิดปกติ ตนเลยออกมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งกรณีของตน ไม่ต่างจากคุณธเนตร วงษา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นบิดาแชร์ลูกโซ่ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง การที่ภาพกับบอสพอล ไม่ได้หมายความว่าผิด ต้องไปดูด้วยว่า ภาพนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ คดีอาญาต้องดูกันที่เจตนา และตนมีหลักฐานแชตไลน์ทุกอย่าง ไม่เคยลบ ซึ่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว
สำหรับความผิดปกติที่ตนเห็นแล้วรู้สึกว่า บริษัทเริ่มทำไม่ถูกต้อง คือตนเคยบอกว่าไม่ให้ตัวแทนสต็อกสินค้ามากเกินไป แต่บริษัทก็ทำแบบนั้น และช่วงโควิดระบาด ตนก็บอกให้หยุดจัดประชุมสัมมนา แต่บริษัทก็ยังจัด จนมีคนติดโควิดเยอะมาก ตนจึงไม่พอใจ อีกทั้งบริษัทยังยืนยันจะจัดคาราวานรถหรูไปเขาใหญ่ เพื่ออวดร่ำอวดรวย ในขณะที่โควิดกำลังระบาดหนัก มีคนเสียชีวิจจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อมิถุนายน 2564 ตนจึงติดต่อไปขอยุติสัญญาทันที เพราะรับไม่ได้ และมั่นใจว่าหากเริ่มมีการอวดร่ำอวดรวย บริษัทต้องพังแน่นอน
เคนโด้ ยืนยันว่า ตนไม่เคยได้รับเงินถึงหลักล้านตามที่ถูกกล่าวหา ตนได้รับเป็นเงินเดือนธรรมดา เหมือนกับคนทำงานทั่วไป ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความถูกต้อง ซึ่งเงินเดือนผู้ประกาศที่ได้อยู่ตอนนี้เดือนละ 3 แสนบาท ยังเยอะมากกว่าเงินเดือนตอนนั้น และยืนยันไม่มีสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์ ทุกอย่างได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว
เมื่อถามถึงเรื่องผลประโยชน์ว่าได้รับเท่ากับบอสกันต์ จริงหรือไม่ เคนโด้ ตอบว่า ตนไม่รู้ว่าบอสกันต์ได้ผลประโยชน์เท่าไหร่ แต่ให้ไปดูงบการเงินของบริษัทได้ว่าปีหลังจากที่ตนออกมา กำไรพุ่งขึ้นมาก ถ้าตนต้องการผลประโยชน์จากบริษัทจริง ตนจะออกมาทำไม
โดยตนจะขอชี้แจงกับสื่อมวลชนทั้งหมดเพียงครั้งเดียว และจะไม่มีการพูดเรื่องนี้อีก โดยขอให้สู้กันด้วยกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมู่ พร้อมฝากถึงทนายความคนดังกล่าวด้วย ตนไม่เคยเห็นทนายความคนไหนออกมาพูดกับสื่อว่า ไปพบผู้ต้องหาในเรือนจำ แล้วจะมาเด็ดหัวคนนั้นคนนี้รายวัน ซึ่งพฤติกรรมนี้เข้าข่ายความผิดอาญาฐานข่มขู่
ปกติแล้ว คนที่จะฟ้องแก้เกี้ยว เขาจะทำกันหลังบ้าน ดังนั้น ขอให้สื่อตั้งสติด้วยว่า กำลังตกเป็นเครื่องมือของเขาหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ การเปิดเผยชื่อตนจนถูกเอาไปแขวนให้เสียหายนั้น ทุกความเสียหาย ตนคิดเป็นเงินทั้งหมด ตอนนี้แต่งตั้งทนายความแล้ว ไม่ได้กังวลใจ คนเปิดก่อนไม่ได้ชนะเสมอไป นอกจากนี้ ในวันที่โดนจับ บอสพอลยังส่งไลน์มาหาตนรัวๆ ตนไม่ได้เปิดอ่าน แต่เห็นรูปสุดท้ายที่ส่งมาคือรูปหัวใจ ก็คงจะจำได้ในสิ่งที่ตนเคยเตือนไว้ว่า ถ้าทำแบบนี้สักวันจะโดนจับ แต่ที่ตอนนี้จะมาดำเนินคดีตน คงเพราะไม่พอใจที่ออกมาแฉบริษัท