‘กบ ไมโคร’ เปิดใจหลังเป็นหนึ่งในรายชื่อแม่ข่ายที่ ‘บอสพอล’ สั่งทนายเตรียมเอาผิด

‘กบ ไมโคร’ เปิดใจหลังเป็นหนึ่งในรายชื่อแม่ข่ายที่ตีเนียนเป็นผู้เสียหาย ที่ ‘บอสพอล’ สั่งทนายเตรียมเอาผิด เล่าสาเหตุหยุดทำเพราะรู้สึกบาปในใจ รับกังวลใจหากถูกดำเนินคดี

จากประเด็น ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ กับแฮชแท็ก #บอสพอลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หลังจากที่ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ ‘บอสพอล’ บิ๊กบอสดิไอคอนกรุ๊ป ที่ตอนนี้ตกเป็นผู้ต้องหา และถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางพิเศษ จากคดีดิไอคอน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มีคำสั่งจากบอสพอลให้ดำเนินการทางกฎหมายกับแม่ข่ายที่ตีเนียนเป็นผู้เสียหายกว่า 2,000 คน และมีการเปิดเผยรายชื่อ 8 แม่ข่ายออกมาเบื้องต้นแล้ว โดย 2 ใน 8 รายนี้ มีนายไกรภพ จันทร์ดี หรือ ‘กบ ไมโคร’ และนางสาวชลธิชา ทรัพย์เพิ่มเสถียร หรือ ‘ลูกตาล’ อดีตแม่ข่ายที่เคยมาออกรายการโหนกระแสก่อนหน้านี้ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) กบ ไมโครและลูกตาล ได้มาเปิดใจอีกครั้งในรายการโหนกระแส พร้อมกับได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจบรายการด้วย

กบ ไมโคร ก็ได้ให้สัมภาษณ์ โดยเริ่มจากการเล่าถึงนิยามคำว่า ‘แม่ข่าย’ ว่า หากบอกว่ามีคนอยู่ในสายงานทุกคนจะเป็นแม่ข่ายหมดเลย แต่ตนเองไม่รู้ว่าขนาดของแม่ข่ายที่แท้จริงแล้วมีกี่คนขึ้นไป แต่หากทางกายภาพ หากคุณมีลูกทีมหนึ่งคน คุณคือแม่ข่าย เราก็เป็นแม่ข่ายกันทุกคน และส่วนที่เขากลับมาโฟกัสพวกตนเองนั้นมองว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มแรกๆ ที่อยู่ตรงข้ามกัน

กบ ไมโคร เล่าย้อนถึงช่วงการทำงานในบริษัทด้วย น่าจะใช้คำเรียกต่างๆ เช่น The iCon มีคำว่า “ภาคนำเข้า” เป็นศัพท์เฉพาะหมายความว่าเป็นการนำคนเข้าบริษัท ตั้งแต่ระดับบนสุด โดยพวกบอสจะบอกว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยภาคนำเข้า ซึ่งทุกคนก็ต้องตามด้วยหลักการที่ว่า ไม่เถียงไม่ถามและทำตามอย่างเดียว ทั้งหมดมันเป็นแพตเทิร์นแบบนั้น

ส่วนประเด็นที่เห็นภาพตัวเองขึ้นเวทีนั้น ยืนยันว่าเลิกทำไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 เลิกทำอย่างเด็ดขาด แต่ยังเห็นนำภาพคลิปของตนเองไปใช้  จึงได้ชี้แจงไปยังบอสสวย เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 แจ้งว่าให้ยกเลิกการใช้ภาพของเรา และขอสงวนสิทธิ์ไม่ชี้แจงเหตุผล

ก่อนจะยืนยันว่า ตัวเองได้รายได้จาก The iCon อยู่ที่ประมาณ 6 แสนบาท แต่มีส่วนเป็นเงินเราเองหรือแคชแบ็ก (Cash Back) ประมาณ 1.5 แสน ที่เป็นรายได้จริงๆ แต่ลงทุนไป 2.1 ล้านบาท ส่วนข้อมูลลูกข่ายทนายบอสพอลบอกว่า ของคุณกบ ไมโคร มีอยู่ 152

ส่วนกรณีที่ทนายของบอสพอลบอกว่าหากตรวจสอบแล้วจะดำเนินคดีหลักแสนคนนั้น กบ ไมโคร เดาว่านี่คือกลองจังหวะ 3 และจากนี้อาจจะมีจังหวะ 4 ตามมา ส่วนสังคมไทยก็ต้องเต้นตามต่อไป

พร้อมกันนี้ กบ ไมโคร ยังเล่าย้อน ตอนมาทำธุรกิจนี้ว่า ตอนแรกไม่รู้เลยว่ามันถูกหรือผิด ยังไม่เข้าใจเนื้อหาของธุรกิจเลยว่ามันผิดแบบไหน แต่รู้เพียงว่ามีคนเปิดบิลตาม จากการที่ว่า “ผมตามพี่กบมา เพราะผมรักพี่” แต่สุดท้ายแล้วเขาขายไม่ได้

ถ้าเราทำต่อเราจะต่อ เราต้องเจออะไรแบบนี้ แต่มันเลี่ยงไม่ได้ถ้ามีคนมาเปิดบิล 250,000 เป็น Dealer ซึ่งถ้าหากมี Dealer เพิ่ม ก็จะรู้สึกบาป จากนั้นจึงบอกกับภรรยาว่าไม่ว่าจะขาดทุนเท่าไหร่เราก็ต้องหยุด และทิ้งนะ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ หรือใครก็ตามจะมาบอกว่าเราไม่ผิด แต่เรื่องนี้ก็ยังรู้สึกบาปในใจ ดังนั้นจึงพยายามที่จะหาโอกาสบอกทุกคน บอกสังคมว่า “อย่าพากันมาตาย หนีไป” ส่วนตัวยอมรับว่ากังวลใจ กังวลใจที่ทุกคนพูดไม่ได้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาฟ้อง

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังถามทั้งกบ ไมโคร และลูกตาล ว่า การที่เขาเตรียมดำเนินคดีกับแม่ข่าย เป็นการฟ้องปิดปากหรือฟ้องข่มขู่หรือไม่ กบ ไมโคร บอกว่า  ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นการฟ้องปิดปากหรือฟ้องข่มขู่  แต่มองว่าเขาประกาศว่าเราเป็นเป้าหมาย ขณะที่ลูกตาลบอกว่า เห็นคล้ายกันกับกบ ไมโคร ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นการพยายามที่จะลดจำนวนผู้เสียหาย โดยการบอกว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะแม้ตนเองไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงในนี้ แต่ว่าเป็นที่รู้จักในบริษัท ถ้าออกมาเปิดเผย มาพูด มาแจ้งความ บริษัทพร้อมจะเล่นงาน ซึ่งหลายคนกลัวเรื่องนี้มาก

พร้อมย้ำว่าลูกตาลและกบ ไมโคร ไม่ได้มาตีเนียนเป็นผู้เสียหาย เราไม่ได้ร้องทุกข์อะไรเพื่อตัวเราเอง มันเป็นแค่ความรู้สึกที่เรารู้สึกว่า เราไม่อยากทำบาป

ส่วนประเด็นที่บอสพอลบอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั้น ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ บอกว่าก็ไม่มีความเห็นอะไรแต่ก็รู้สึกว่านึกถึงเพลงอะไรก็มีเพลงอะไรประมาณนี้

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/1Ow3uA-dqdE