กลุ่มผู้เสียหายดิไอคอนยื่นฟ้องแพ่งแบบกลุ่มเอาผิด 6,000 ล้าน

กลุ่มผู้เสียหายดิไอคอน ยื่นฟ้องแพ่งแบบกลุ่มเอาผิด 6,000 ล้าน ไต่สวนมูลฟ้องนัดแรก 8 ธ.ค.นี้ ทนายเผยฟ้องแบบกลุ่มสามารถยึดอายัดทรัพย์สินกลุ่มจำเลยได้ทั้งหมด

เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ทนายความ พากลุ่มผู้เสียหายจากบริษัท The Icon Group จำกัด ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่มที่ศาลแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้ง 17 ราย ได้แก่บรรดาบอสทั้ง 16 คนและบริษัท 1 ราย รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท

นายวีรพัฒน์กล่าวว่า แม้ว่าตอนนี้ในส่วนของคดีอาญา พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 17 รายในคดีแชร์ลูกโซ่และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งพนักงานอัยการจะต้องนำสืบแก่ศาลให้แน่ชัดถึงเจตนาในการกระทำความผิดตามข้อหาที่กล่าวหาจำเลย รวมทั้งผู้เสียหายทุกคนร่วมมือร่วมใจให้ข้อมูลและช่วยพนักงานอัยการอย่างเต็มที่

แต่มองว่า เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายทุกคนที่มีเป็นจำนวนมาก จึงเห็นสมควรที่จะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อดำเนินคดีผู้บริโภคแบบกลุ่มหรือ Class Action กับจำเลยทั้ง 17 คนคู่ขนานกับคดีอาญา

เนื่องจากพฤติการณ์ทางคดีเห็นได้ชัดว่า กลุ่มจำเลยได้หลอกลวงและชักชวนให้ผู้เสียหายซื้อสินค้าและบริการของบริษัท โดยอ้างว่ามีผลตอบแทนที่ดีและสินค้าได้รับความนิยม ผ่านการใช้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนเชื่อ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นการหลอกลวงและเอาเปรียบ ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผลจริง ไม่ได้รับการสนับสนุนหลังการขาย และบริษัท The Icon Group ไม่ได้ประกอบธุรกิจตามที่จดทะเบียนกับกฎหมายธุรกิจตลาดแบบตรง

เบื้องต้น จะยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 17 คนที่อยู่ในคดีอาญาก่อน แต่ทีมทนายความอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพิ่มเติมว่า จะเอาผิดกับบรรดาแม่ข่ายรายใหญ่คนอื่นหรือดาราที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และมีน พีชญา วัฒนามนตรี ที่พนักงานอัยการไม่สั่งฟ้องทั้งคู่ด้วยหรือไม่

นายวีรพัฒน์กล่าวถึงข้อดีของการยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มว่า เราจะใช้มูลฐานความผิดเกี่ยวกับการละเมิดผู้บริโภค ซึ่งมีภาระสืบที่ค่อนข้างเบา ไม่จำเป็นต้องสืบถึงขั้นทราบในเจตนากระทำความผิด เพียงแต่แค่ชี้ให้ศาลเห็นถึงพฤติการณ์ที่จงใจประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภคก็เป็นพอ รวมทั้งศาลจะสามารถกำหนดค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ โดยพิจารณาทั้งจากพฤติการณ์และความเสียหายภาพรวมทั้งหมด แตกต่างจากคดีอาญาที่ต้องฟ้องค่าเสียหายตามจริง

นอกจากนี้ กระบวนการฟ้องคดีแบบกลุ่มนั้น ยังสามารถดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของกลุ่มจำเลยได้ทั้งหมด ยกเว้นทรัพย์สินส่วนตัว โดยไม่จำเป็นต้องสืบให้แน่ชัดว่า เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเหมือน ปปง. และที่สำคัญก็คือ คดีแบบกลุ่มมีเพียงโจทย์แค่คนเดียวและผู้เสียหายอีกหลายคนมาร่วมลงชื่อ ก็สามารถดำเนินคดีได้ เพียงแค่ให้ศาลได้เห็นว่ามีผู้เสียหายหลายคนก็เป็นพอ เช่นนี้ เมื่อสามารถฟ้องได้ค่าเสียหายมาแล้ว ผู้เสียหายรายอื่นที่อาจไม่สะดวกมาร่วมลงชื่อฟ้องคดี ก็สามารถเข้ามาขอแบ่งเฉลี่ยค่าเสียหายชดเชยได้

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากระบวนการไต่สวนมูลฟ้องและสืบคดีน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี โดยศาลกำหนดเริ่มไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ซึ่งเราจะต่อสู้ควบคู่ไปกับคดีอาญา เพื่อให้จำเลยถูกลงโทษตามกฎหมายอาญาและนำทรัพย์สินมาเฉลี่ยคืนชดเชยให้แก่ผู้เสียหายต่อไป

ด้านหนึ่งในตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า บริษัท The Icon Group นั้นสร้างความเสียหายให้กับคนจำนวนมาก บางคนถึงกับล้มละลายเลยทีเดียว จึงยืนยันว่า จะร่วมต่อสู้ทุกมิติและช่วยเหลือพนักงานอัยการ เพื่อให้ได้ความเป็นธรรม ขณะที่ผู้เสียหายอีกรายเปิดเผยว่า ตนเป็นตัวแทนของผู้สูงอายุที่หลายคนนั้นมีเงินเก็บก้อนสุดท้ายของชีวิต แทนที่จะต้องเอาไปให้ลูกหลาน แต่กลับถูกหลอกลวงจนสูญสิ้น ต้องเผชิญกับความทรมาน จึงหวังว่า จะได้รับการเยียวยาค่าเสียหายจากกลุ่มจำเลย เพื่อมาชุบชีวิตต่อไป

สำหรับรายละเอียดเบื้องต้นของการฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่มในครั้งนี้ เป็นการฟ้องดำเนินคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 โดยมีผู้เสียหายยื่นฟ้องกับโจทก์ต่อศาลแพ่งไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย จากผู้เสียหายที่อ้างอิงตัวเลขในคำฟ้องของพนักงานอัยการไม่ต่ำกว่า 7,900 ราย โดยข้อเท็จจริงกล่าวอ้างว่า ผู้เสียหายทั้งหมดล้วนแต่ถูกชักชวนให้ซื้อสินค้าผ่านการหลอกลวง ด้วยกลไกการโฆษณาต่างๆ ของบริษัท The Icon Group