สังคม

นักธุรกิจสาวเข่าทรุด สามีหักหลัง-หักอก หลอกลงทุน 25 ล้านบาท เชิดเงินหนี้แต่งงานเมียใหม่

โดย gamonthip_s

28 พ.ค. 2567

2K views

น.ส.ฟ้า (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนและสามีแต่งงานอยู่กินกันมาร่วม 17 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยจับได้หรือระแคะระคายว่าสามีมีผู้หญิงอื่น มีเพียงเหตุการณ์แปลก ๆ ที่แต่งงานกัน เมื่อ 2 ปีแรก จู่ ๆ มีไลน์ผู้หญิงคนหนึ่งเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ของสามีและใช้รูปคู่กันในโปรไฟล์



ตนจึงสอบถามไปที่สามี โดยสามีบอกว่าเป็นรุ่นน้องที่ทำงาน ถ่ายรูปร่วมกันเป็นกลุ่ม แต่ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงใช้รูปคู่มาตั้งเป็นโปรไฟล์ จากนั้นสามีก็แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการโทรศัพท์หาผู้หญิงคนนั้น ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร ไม่ได้คิดอะไรกับสามีตน และก็เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ไม่ใช้รูปคู่กับสามีของตน



หลังจากนั้นมาก็ไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิงอะไรเกิดขึ้นอีกเลย จนตนเพิ่งมารู้เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วว่า จริง ๆ แล้วสามีมีโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งทางสามีแอบไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ประมาณช่วงปี 60 แล้วผู้หญิงคนนั้นก็คือผู้หญิงคนเดิมที่เคยจับได้ใช้รูปโปรไฟล์คู่กับสามีตน และยังมาจับได้อีกว่ามีการหลอกเงินของตนไปลงทุนกว่า 25.5 ล้านบาท โดยเป็นการหยิบยืมเงินกันธรรมดา ตามประสาสามีภรรยา และมีลูกด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งอายุ 9 ขวบ อีกคนอายุ 14 ปี ตนได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 2557 และเมื่อปี 2558 สามีได้มาขอหย่า ตอนนั้นตนเองกำลังท้องลูกคนที่สอง ได้ 2 เดือน



ซึ่งทางสามีได้ให้เหตุผลว่าจะไปทำธุรกิจ กลัวภรรยาตัวเองเดือดร้อน ก็เลยเชื่อแล้วตอนนั้นกำลังท้องอยู่ก็เลยไปหย่าให้ และเห็นเป็นเรื่องงาน ซึ่งตนก็ไม่รู้เลยว่าปีประมาณ 2559-2560 สามีตัวเองได้ไปแต่งงานใหม่จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนใหม่



ที่ผ่านมาตนไม่เคยระแคะระคายหรือจับได้มาก่อนเลยว่าสามีมีผู้หญิงอื่น เพราะต่างคนต่างทำงาน ตนเองทำส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศอยู่ที่โคราช ส่วนสามีเปิดบริษัทรับเหมางานวางระบบประปาและไฟฟ้า



ทางสามีก็จะไป ๆ มา ๆ หาตนและลูกตลอด อาทิตย์ละประมาณ 2 ครั้ง หลัง ๆ มาเริ่มจะ 2 อาทิตย์ครั้ง และยิ่งช่วงกรณีที่ยืมเงินไป ทางสามีจะไม่ค่อยกลับบ้านเลย ซึ่งทางสามีได้นำเอกสารปลอมมาหลอกลวงกับตนว่า ได้ไปซื้อ หจก.หนึ่งมา เพื่อทำธุรกิจและต้องใช้เงินไปค้ำประกันในธนาคาร



ตนก็เชื่อและยังชวนพี่น้องของมาร่วมลงทุนด้วย ตนลงไป 2.5 ล้านบาท พี่สะใภ้ 11 ล้าน และน้องเขย 12 ล้านบาทและสามีก็ยังปลอมเอกสารว่าตนมีชื่ออยู่ในหจก.ดังกล่าว ที่ตนเองมาทราบเพราะว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน แม่ของตนเองได้นัดสามีมาคุยกันเรื่องเงิน 25.5 ล้านบาทว่า เอาไปลงทุนทำอะไรที่ไหนอย่างไร



ซึ่งสามีก็พาไปดูที่ต่าง ๆ และอ้างว่าจุดนี้คือบริษัท จุดนี้คือหน้างานที่รับทำไฟฟ้า-ประปา ซึ่งตนเองเห็นว่ามันแปลก ๆ จึงย้อนกลับมาถามรปภ. ที่ดูแลสถานที่นั้น รปภ.บอกว่าไม่เคยมีบริษัทเกี่ยวกับทำระบบไฟฟ้าประปาแล้วก็ไม่เคยเห็นมีการซ่อมไฟฟ้า-ประปาอะไรเกิดขึ้น



ตนจึงออกอุบายขอสามีกลับเข้าไปที่บ้านนั้นอีกรอบ ปรากฏว่าไปเจอหลักฐานหลายอย่าง เช่น กระเป๋าเดินทางที่เป็นชื่อของผู้หญิงคนนั้น เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับสามีตน ซึ่งเป็นทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่ครอบครัวของตนเองไปเที่ยวและสามีก็ยังมาเที่ยวด้วยกันอยู่ 2 วัน และอ้างว่าต้องไปทำงานต่อจึงขอแยกตัวกลับก่อน



นอกจากนี้ไปเจอเอกสารบริษัทบริษัทหนึ่ง มีชื่อสามีตนและผู้หญิงคนนั้นอยู่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ตนจึงโทรศัพท์ไปสอบถามปลายสายก็เป็นเสียงผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ และบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท แต่ไม่ได้บอกความสัมพันธ์ว่าเป็นอะไรกับสามีตน



จากนั้นตนเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับเงินที่ลงทุนในหจก. ตนจึงขอไปคัดเอกสารเกี่ยวกับรายชื่อกรรมการ และเจ้าของ หจก. ปรากฏว่าเข่าแทบทรุดเพราะไม่มีชื่อของตนเองอยู่ในหจก.นั้นซักตำแหน่ง ซึ่งวันที่ตนเองรู้ความจริงทุกอย่างเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นสามีก็หายสาบสูญ ไม่เคยติดต่อมาชี้แจงหรืออธิบายอะไรอีกเลย



ตนรู้สึกเสียใจมากทั้งถูกหักหลังและหักอก สามีที่ตนไว้ใจและเป็นพ่อของลูก 2 คน ซึ่งคบกันมา 17 ปี มาทำแบบนี้ ตนอยากให้มาพูดคุยมาเคลียร์กันมาอธิบายว่าคืออะไร ที่สำคัญตนอยากได้เงินคืน 25.5 ล้านบาท เพราะเป็นเงินที่ญาติพี่น้องร่วมกันลงทุนมา

คุณอาจสนใจ

Related News