เจ้าหนี้รถอ้างลูกหนี้เอารถไปจำนำจึงตามยึด ด้านลูกหนี้โต้กลับถ้าจำนำคงไม่เหลือรถให้เห็น

วันที่ 3 ม.ค.67 กรณีนายวิชัย อายุ 37 ปี อยู่บ้าน ม.10 บ้านหินโคน ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์



ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดต่อนางสุพิศ อายุ 51 ปี ชาวอ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของรถยนต์สิบล้อ ที่ขายให้กับตนเองเมื่อปี 2565 ว่าอยากจะจ่ายเงินที่เหลือ 200,000 บาท จากราคาขาย 600,000 บาท แต่นางสุพิศปฏิเสธการรับเงิน ไม่รับสาย ถึงขั้นไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ว่าอยากจ่ายเงินที่เหลือแต่ติดต่อเจ้าของรถไม่ได้



จนกระทั่งมีทนายความชื่อดังโทรศัพท์หานายวิชัย ว่าให้เลือกเป็น 2 ทาง คือ 1 ให้จ่ายเงินทั้งหมด 280,000 บาท หรือให้คืนรถ มิเช่นนั้นจะดำเนินคดีฐานรับของโจร จนทำให้ต้องตื่นตกใจกลัวเป็นอย่างมาก



ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางสุพิศ ที่ อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ แต่ไม่พบใครอยู่บ้าน จึงโทรศัพท์ไปเสียงปลายสายเป็นชาย ทราบชื่อต่อมานายคำจุน อายุ 55 ปี สามีนางสุพิศ เจ้าของรถในสัญญาซื้อขาย



โดยนายคำจุน เล่าว่า หลังจากนายวิชัย ไม่จ่ายเงินค่างวดในเดือนเมษายน ตามสัญญาจ่ายเป็นปี ได้พยายามติดต่อนายวิชัย แต่ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่บ้านเจอแต่พ่อแม่นายวิชัย



จากนั้นได้ให้สายสืบออกติดตาม พบว่านายวิชัย เอารถไปจำนำที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปดูก็พบรถจอดอยู่จริง จึงมอบหมายให้ทนายความเป็นคนจัดการแทน ถึงเวลานี้เงินที่ค้างจำนวน 200,000 จะรับหรือไม่รับขึ้นอยู่กับทนายความเพราะได้มอบหมายไปแล้ว



ด้านนายวิชัย คนซื้อรถออกมายอมรับว่า ตอนเดือนเมษายน ตนไม่มีเงินจริงเพราะงานมีน้อย แต่เลื่อนไปเพียง 3 เดือนถือว่าไม่นานเพราะสัญญาจ่ายเป็นปีไม่ใช่เป็นเดือน



กรณีกล่าวหาว่าตนเอารถไปจำนำนั้นถือว่าหมิ่นประมาท เพราะไม่ได้เอาไปจำนำ เอารถไปจอดที่อู่เพื่อจะซ่อมกระบะที่ทรุดโทรม แต่ถ้าตนเอาไปจำนำจริงนานกว่าครึ่งปี “รถคงไม่อยู่แล้ว” จึงอยากจะฝากถึงเจ้าของรถหรือผู้ที่รับมอบอำนาจ ขอให้ทำตามกติกา คิดดอกมา เงินจ่ายล่วงหน้าคิดคืนได้หรือไม่ ตอนนี้ตนพร้อมจ่าย เตรียมจะเอาเงินไปจ่ายให้ที่สำนักงานบังคับคดีให้กระบวนการทางกฎหมายว่ากันไป



ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่จอดรถ พบว่ารถคันดังกล่าวยังจอดตามปกติ สอบถามนายแบงค์ อายุ 36 ปี ช่างประจำอู่บอกว่ารถคันนี้เอามาซ่อมกระบะ แต่เจ้าของรถยังไม่จ่ายอะไหล่ จึงซ่อมคันอื่นไปก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ตนไม่ทราบ