สังคม

ยายแทบทรุด! ถูกสาวพนักงานธนาคารแอบถอนเงิน 9 ครั้ง รวม 2.6 ล้านบาท

โดย panisa_p

12 ก.พ. 2565

7.7K views

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นางสมจิตร อายุ 68 ปี และนางมยุรี บุตรสาว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ได้นำเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาภูเรือ แต่กลับพบว่าเงินฝากหายไปจากบัญชีจำนวนมาก จึงได้ตรวจสอบสเตทเมนท์หรือการเคลื่อนไหวของบัญชี พบว่าเงินออกไปทั้งหมด 9 ครั้ง โดยผู้ถอนไม่ใช่เจ้าของบัญชี


ครั้งแรกวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ถอนไป 40,000 บาท , ครั้งที่ 2 วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.26 น. ถอนไป 100,000 บาทถ้วน , ครั้งที่ 3 วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.57 น. ถอนไป 75,000 บาท , ครั้งที่ 4 วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.48 น. ถอนไป 29,000 บาท , ครั้งที่ 5 วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.02 น. ถอนไป 78,000 บาท 


ครั้งที่ 6 วันที่ 3 สิงหาคม 2564 เวลา 15.13 น. ถอนไป 321,400 บาท , ครั้งที่ 7 วันที่ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 14.32 น. ถอนไป 60,000 บาท , ครั้งที่ 8 วันที่ 18 ตุลาคม 2564 เวลา 15.04 น. ถอนไป 1,800,000 บาท และครั้งที่ 9 วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เวลา 15.12 น. ถอนไป 98,000 บาท รวมจำนวน จำนวน 2,601,000 บาท


นางมยุรี กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นได้พาแม่ไปตรวจสอบที่ผู้จัดการธนาคาร พบว่าสมุดบัญชีเดิมที่เป็นเล่มสีแดง เงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค ถูกเปลี่ยนเป็นเงินฝากออมทรัพย์เล่มสีเขียวแทน เล่มเดิมไม่สามารถใช้ได้แล้ว คนที่ถอนเงินออกไปทั้ง 9 ครั้ง เป็นพนักงานหญิงรายหนึ่ง ทำให้แม่รู้สึกตกใจและเครียดมาก




ต่อมา พนักงานหญิงคนดังกล่าวก็มายอมรับว่าเป็นคนทำเอง และรับปากว่าจะขายธุรกิจหอพักมาชดใช้ให้ภายใน 1 เดือน แต่จนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ยังไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียว ซึ่งตลอดระยะเวลาหลังจากที่ทราบว่าเงินหาย แม่ก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สุขภาพย่ำแย่ลง เสียดายเงินที่เก็บหอมรอมริบ ทำงานหนัก เหน็ดเหนื่อย เพาะไม้ดอกไม้ประดับหน้าบ้านขายมานานหลายปี


จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่าน แม่และตนไปที่ สภ.ภูเรือ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานคนดังกล่าว แต่ผู้จัดการธนาคาร สาขาภูเรือ ได้ขอร้องไว้ รับปากอีกครั้งว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายในสามวัน จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ จนกระทั่งถึงวันที่สามแล้ว แม่ก็ยังไม่ได้เงินคืน


ทางผู้ใหญ่ในก็มาขอร้องไว้อีกว่าไม่อยากให้เป็นข่าว หรือแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ รับปากว่าจะนำเงินมาคืนภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนี้ หากยังไม่ได้เงินคืน คงต้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และตนอยากจะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัย สำหรับคนที่ฝากเงินไว้ในธนาคาร ควรหมั่นไปปรับสมุด ตรวจดูอยู่เสมอ


ด้านนายศิริชัย สันต์สัมพันธ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคาแห่งหนึ่ง จังหวัดเลย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์นี้ ทางธนาคารได้ทราบความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากบัญชี จึงได้ตั้งกรรมการสอบข้อเสอบสวนพนักงานที่ทำความเสียหายให้กับทางธนาคาร โดยให้พักงานจากหน้าที่เดิม มาทำงานที่สำนักงานธนาคารจังหวัด ซึ่งตอนนี้ ได้สอบเสร็จแล้ว และได้ส่งข้อเท็จจริง รายงานไปยังสำนักงานใหญ่ เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง




ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง จังหวัดเลย กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางธนาคารจะรับผิดชอบทุกอย่าง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเยียวยา คาดว่าอีกสองวันคณะกรรมการจะได้พิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมกับคืนเงินให้กับผู้ที่เสียหาย ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพราะเงินที่ฝากกับ ธนาคารตอนนี้ ยังไม่ได้ถอนออกไป ธนาคารก็ยังถือว่าเป็นเงินฝากอยู่แล้ว


ในส่วนของเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกนั้น ทางธนาคารมีระบบการตรวจสอบอยู่แล้ว แต่กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะความไว้วางใจของพนักงงาน ซึ่งก็หนีไม่พ้นการตรวจสอบของธนาคารที่มีอย่างรัดกุม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากระบบ มันเกิดขึ้นจากบุคคล ซึ่งเรื่องนี้ทางธนาคาร จะได้มีการอบรมพนักงาน เพื่อให้การปฎิบัติงานเป็นไปอย่างถูกต้อง บริการลูกค้าให้พึงพอใจที่สุด


ส่วนของบทลงโทษของพนักงานที่กระทำผิดนั้น ทางธนาคารมีระเบียบกำหนดไว้อยู่แล้ว โดยเฉพาะพนักงานของธนาคาร ที่เป็นหน่วยงานของรัฐนั้นจะมีโทษหนักกว่าประชาชนทั่วไป นายศิริชัย กล่าว

คุณอาจสนใจ

Related News