สังคม
ย่ายกมือไหว้ขอโทษ 'น้าเดช' เด็ก 13 ไม่ได้ถูกขืนใจบนรถตู้ เมียดีใจผัวพ้นมลทิน การันตีเป็นคนดี
โดย JitrarutP
10 พ.ย. 2566
1.2K views
ผู้การจังหวัดขอนแก่น เตรียมแถลงบ่ายนี้ คดีเด็กหญิง 13 ปี ถูกข่มขืนบนรถตู้จนเสียสติ หลังเด็กหญิงสารภาพ เรื่องที่เป็นข่าวไม่ใช่เรื่องจริง ด้านผู้โดยสารที่ลงรถตู้คนสุดท้าย ยืนยัน นายเดชเป็นคนดี ตลอดการเดินทางไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ
กรณีย่าวัย 63 ปี ร้องสื่อหลังส่งหลานสาวอายุ 13 ปี ไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ช่วงปิดเทอม โดยใช้บริการรถตู้โดยสาร ที่พ่อเด็กเป็นคนติดต่อนัดให้มารับในช่วงค่ำวันที่ 1 ตุลาคม แต่กลับถูกนายเดช คนขับรถตู้วางยา โดยให้ดื่มน้ำแล้วข่มขืน จนหลานหมดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว พบว่าตัวเองนอนในเบาะรถตู้ ซึ่งขับวนไปหลายที่ โดยหลานได้ถ่ายคลิปไว้ ก่อนนายเดชพาไปส่งพ่อแม่
กระทั่งวันที่ 30 ตุลาคม พ่อส่งลูกสาวอายุ 13 ปี พร้อมลูกชายอายุ 16 ปี กลับขอนแก่น โดยเรียกรถตู้คันเดิมมารับช่วงค่ำ พอเด็กหญิงเห็นคนขับรถตู้ ก็ผวา ร้องไห้ไปกอดแม่ พ่อแม่เข้าใจว่า ลูกสาวคิดถึงพ่อแม่ ไม่อยากกลับ ก็ปลอบใจแล้วส่งขึ้นรถตู้ โดยรถไปส่งถึงบ้านที่ขอนแก่น ตอน 9 โมงเช้า ของวันที่ 31 ตุลาคม
พามาถึงบ้านทั้งเด็กหญิง 13 ปี และพี่ชาย 16 ปี มีอาการเสียสติทั้งคู่ โดยเฉพาะเด็กหญิง ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน นั่งพนมมือพูดว่า "น้าเดช อย่าทำ" ยิ่งตอนเห็นภาพนายเดช ถึงกับกรีดร้อง และบอกว่า "บักนี่มันเป็นปีศาจ" ย่ายังบอกอีกว่า ไปแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย ของขอนแก่น และที่ สน.บางกอกใหญ่ ของ กทม. แต่คดีไม่คืบหน้า
โดยเมื่อวานนี้ พลตำรวจตรี อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เผยความคืบหน้าคดีว่า ตำรวจได้สอบปากคำผู้โดยสาร ที่นั่งรถตู้ไปพร้อมกับเด็กหญิงวัย 13 ปี ครบแล้ว ทุกคนยืนยันว่า รถตู้ที่นั่งวันเกิดเหตุเป็นป้ายเหลือง และทุกคนก็ยืนยันว่า ไม่พบความผิดปกติใดๆ ขณะใช้บริการ ขณะเดียวกันแพทย์ รพ.ขอนแก่น แจ้งว่า เด็กหญิง 13 ปี อาการดีขึ้น จึงตำรวจจะได้เข้าไปพบและพูดคุย หากสอบสวนได้ จะเชิญเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เข้าร่วมสอบสวน ส่วนเยาวชนอายุ 16 ปี ที่มีอาการเสียสติ เบื้องต้นแพทย์ตรวจพบสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย แต่ขณะนี้ก็อาการดีขึ้นแล้วเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ ป้าสุ (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี ชาวขอนแก่น ผู้โดยสารที่ลงจากรถตู้เป็นคนสุดท้าย บอกว่า ป้านั่งรถคันเดียวกับเด็กผู้หญิงตลอดเส้นทาง ป้านั่งหลังคนขับ เด็กผู้หญิงนั่งหลังป้า ไม่พบความผิดปกติใดๆ คนขับรถตู้ไม่ได้ทำอะไรเด็กหญิงคนนี้เลย ไม่มีการล่วงละเมิดทั้งการกระทำ แม้แต่คำพูดก็ไม่มี เขาขับรถตู้อย่างเดียว ป้ายืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ตลอด เพราะไม่ได้หลับ นั่งคุยเป็นเพื่อนคนขับมาตลอดทาง กลัวคนขับง่วงนอน ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีใครไปยุ่งกับน้อง เพราะทุกคนนอนหลับทั้งหมด
ตอนเข้าเขตกรุงเทพฯ มีรถติดช่วงบางนา ตอนไปส่งผู้โดยสารลงคนแรก รถติดอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะขับมาส่งผู้โดยสารอีกคน แล้วส่งเด็กหญิงที่บ้านพ่อ ตอน 9 โมงครึ่ง รถตู้จอดส่งถึงหน้าบ้าน โดยมีพ่อของเด็กหญิงมาหิ้วกระเป๋าเข้าบ้านไป ก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร แล้วรถตู้ก็ขับมาส่งป้าที่พุทธมณฑลสาย 2 ในเวลา 11 โมงครึ่ง
ส่วนตัวคิดว่าใครเขาจะไปทำอะไรแบบนั้น จะเอาเวลาตรงไหนไปทำ เพราะขับรถอย่างเดียว คนขับรถเป็นคนนิสัยดี ป้าใช้บริการประจำมากว่า 10 ปีแล้ว ป้าไม่มีเงิน คนขับรถตู้ก็ขับมาส่งให้ฟรี ใครไม่มีเงินบางครั้งก็เอาเงินให้ ไม่มีเงินเขาก็ช่วย ถนนแคบ ๆ ที่รถตู้เข้าไปไม่ได้ เขาก็จะจ้างรถเล็ก ซึ่งเป็นรถโดยสารมารับไปส่งถึงที่ให้ฟรีๆ ป้ามั่นใจว่าคนขับคนนี้นิสัยดีมาก ไว้ใจได้ สามารถฝากของไปส่งได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าของจะพังหรือของหาย
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ พนักงานสอบสวนหญิง อัยการ คนที่เด็กหญิงไว้ใจ และนักจิตวิทยา สามารถเข้าสอบปากคำเด็กได้แล้ว ซึ่งผลการสอบปากคำ เด็กให้การว่า เรื่องที่เป็นข่าวนั้น ไม่เป็นความจริง ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น และยังมีรายงานข่าวมาอีกว่า การที่เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ที่แพทย์ตรวจพบนั้น อาจจะเกิดจากคนใกล้ชิดของเด็ก ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนั้น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น จะเป็นผู้แถลงข่าวในเวลาบ่ายโมงวันนี้
เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเด็ก 13 ปี เพื่อพูดคุยกับย่าเด็ก ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ญาติ ๆ ของเด็ก ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับนักข่าวในทุกกรณี
ส่วนนายเดช คนขับรถตู้ ที่ก่อนหน้านี้ออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าไม่ได้ทำ แล้วยังแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการขับรถตู้ไปพบตำรวจที่ สภ.แวงน้อย ตำรวจส่งรถไปตรวจ เก็บดีเอ็นเอนายเดช พร้อมสอบปากคำเบื้องต้น ก็ปล่อยตัวกลับไป โดยไม่ได้แจ้งข้อหา ส่วนภรรยานายเดช ก็ยืนยันพฤติกรรมของสามี ไม่ได้ทำแบบนั้นแน่นอน พร้อมบอกว่า จะฟ้องกลับคนที่ทำให้สามีเสียหาย วันนี้ความจริงปรากฏแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงโทรหานายเดช ปรากฏว่า ภรรยาเป็นคนรับ เมื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ก็บอกว่ายังไม่สะดวกคุย เดี๋ยวจะติดต่อกลับ เมื่อถามถึงนายเดช ก็บอกว่า นายเดช ไม่อยู่
ขณะที่ ย่าเด็กหญิงวัย 13 ปี ล่าสุดออกมาขอโทษน้าเดช พร้อมกับกล่าวว่า ตอนที่หลานเล่าให้ฟัง ทั้งตัวเกร็ง ปากเบี้ยว สังเกตทั้งคืน ก่อนหลานจะร้องขึ้นว่า ยาย เอาหนูเข้าบ้าน หนูอยู่บนรถตู้ เขาเอาน้ำให้หนูกิน ย่าก็พยายามให้หลานสงบสติอารมณ์ และพยายามสอบถามจนหลานเล่าให้ฟังตามที่บอกกับนักข่าวไป
ตอนนี้ผลสอบออกมาว่า ไม่มีการกระทำดังกล่าวบนรถตู้ ยายก็รู้สึกเสียใจ ทำไมหลานพูดแบบนี้ แต่คำให้การทำไมพูดอีกแบบ ย่าก็อยากขอโทษแทนหลาน ขอโทษจากใจจริง ที่เล่าให้ฟังเพราะรักหลาน เชื่อหลาน เมื่อความจริงปรากฎแล้วก็อยากจะขอโทษคนขับรถตู้ ยืนยันไม่ได้ปรักปรำ พูดไปตามที่หลานเล่าให้ฟัง คนขับรถตู้ย่าไม่รู้จัก มีแต่พ่อหลานรู้จัก ตนเองก็ไม่ไว้ใจมีแต่ถามพ่อหลานว่า เชื่อใจได้ไหม ซึ่งพ่อหลานก็บอกว่าไว้ใจได้ ซึ่งก็ถามตลอดจนยอมให้ไป และมาเกิดเหตุการณ์ที่หลานเล่าให้ฟังขึ้น ตอนนี้ก็คงต้องปล่อยไปตามขั้นตอนของทางเจ้าหน้าที่ แต่ย่าก็ยังติดใจว่าทำไมหลานจึงมีอาการป่วยทางจิต
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับชาวบ้านหลายคน ก็ยืนยันตรงกันว่า ก่อนหน้านี้เด็กทั้ง 2 ก็ดูปกติ ไม่เที่ยวเตร่ เถลไถล เลิกเรียนก็กลับบ้าน ไม่ถึงกับเก็บตัว เล่นกับเพื่อนๆ ดูร่าเริงปกติ กระทั่งมีปัญหาหลังกลับจากกรุงเทพฯ
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/68kXO3uXwg0