สังคม

ญาติช็อก ประสานเสียง โค้ชบอลเป็นคนดี หลังเจ้าตัวรับร่วมล่วงละเมิด ด.ช. 5 คน

โดย panwilai_c

16 ธ.ค. 2566

60 views

โค้ชสารภาพ ล่วงละเมิด ด.ช. ทั้งหมด 5 คน ขณะที่แม่และน้าสาวประสานเสียงโค้ชเป็นคนดี



ความคืบหน้าคดีที่ตำรวจ ปคม. บุกรวบนายสมพร หรือเอส โค้ชฟุตบอล อายุ 43 ปี และ พันตรี เกียรติศาสตร์ หรือผู้พันกุ๋ย อายุ 64 ปี อดีตนายทหารเกษียณราชการ ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ร่วมกันล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายอายุ 10 ปี ในทีมฟุตบอล



โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งคู่ คือ จัดตั้งทีมฟุตบอลเยาวชนชาย และจะขอใช้สนามฟุตบอลโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกซ้อม ซึ่งจะมีเด็กนักเรียนชายในโรงเรียนอายุ 9 -13 ปี สนใจกีฬาฟุตบอลเข้าร่วมสมัคร กระทั่ง 6 พ.ย.2566 เด็กชายวัย 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 เอาเสื้อฟุตบอลไปคืนครู และบอกว่าจะไม่เล่นฟุตบอลอีกแล้ว พอครูสอบถามถึงรู้ว่า ถูกทั้ง 2 คน ข่มขืนทางทวารหนัก และถ่ายคลิปหลายครั้ง ทั้งที่บ้านพักและที่โรงแรมที่เดินทางไปแข่งขันตามจังหวัดต่างๆ



ล่าสุด พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงศ์ ผกก.3.บก.ปคม. ขยายผลหาหลักฐาน โดยให้ตรวจสอบคลิปวิดีโอที่ผู้ต้องหาบันทึกไว้ ว่ามีเหยื่อเด็กชายอีกหรือไม่ ถ้าพบเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินคดีเพิ่ม และหากพบว่ามีการนำคลิปไปเผยแพร่ลงในสื่อโซเชียล หรือกลุ่มลับต่างๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จะต้องถูกแจ้งข้อหาเพิ่มด้วย



ส่วนตัวผู้ต้องหาทั้งคู่ เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปฝากขัง พร้อมสั่งคัดค้านการประกันตัวต่อศาลด้วย เนื่องจากเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานและเหยื่อที่ยังอยู่ในพื้นที่



ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้ส่งโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตต่างๆ ของผู้ต้องหาทั้งสองไปที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบดูว่าคลิปที่บันทึกไว้มีเด็กชายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งคู่รับสารภาพแล้วว่า ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศเด็กรวมทั้งหมด 5 คน



โดยบ่ายวันนี้ พ.ต.ต.จงจรัส ฉายเรืองโชต สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปคม. พร้อมด้วยตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปบ้านโค้ชเอส จ.อุดรธานี เพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยมีแม่ของโค้ชเอส และน้าสาว พาเจ้าหน้าที่ตรวจในห้องพัก



ผู้เป็นแม่ เผยว่า ตนยังไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายจะทำแบบนี้ แต่สำหรับผู้พันเวลามาพักที่บ้านลูกชาย จะเห็นเรียกเด็กๆ เข้าไปนอนในห้องด้วย เพราะมีเด็กมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ 3 คน ส่วนจะทำอนาจารหรือไม่ตนก็ไม่รู้ ย้อนไป 30 ปีที่ลูกชายทำทีมฟุตบอล ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีแบบนี้เลย เพราะตนเองก็อยู่บ้านหลังเดียวกันกับลูกชาย ตอนนี้สงสารลูกชาย อยากจะขอความเป็นธรรมให้ลูกชายด้วย อยากให้ตำรวจทำเรื่องนี้อย่างกระจ่าง หากไม่ผิดก็ขอความเป็นธรรมด้วย



ด้านน้าสาว พูดถึงหลานชายว่า เห็นข่าวแล้ว ตนเองป่วยเป็นมะเร็ง ถึงกับช็อกเลย ยืนยันหลานเป็นคนดี ตั้งแต่ทำทีมฟุตบอลกว่า 30 ปี ไม่เคยมีเรื่องมลทินใดๆ ชาวบ้านก็ยกย่องว่าเป็นคนดี แต่พอมารู้จักกับผู้พันคนนี้ได้ 3 ปี ผู้พันจะมาหาหลานที่บ้านตลอด ก็มีเรื่องเกิดขึ้นเลย ที่พูดแบบนี้ไม่ได้ปรักปรำใคร แต่อยากให้ความเป็นธรรมกับหลานชายตนด้วย



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/0MNOkxeden0

คุณอาจสนใจ

Related News