สังคม

รวบโค้ช-พันตรีวัยเกษียณ ล่วงละเมิดเด็กชาย - ถ่ายคลิปข่มขู่ ขณะเข้าแคมป์ฝึกฟุตบอล

โดย thichaphat_d

16 ธ.ค. 2566

277 views

ตำรวจ ปคม.-ปวีณา ร่วมกันแถลงจับกุม โค้ชทีมฟุตบอล-พ.ต.วัยเกษียณ ร่วมกันก่อเหตุลวง ด.ช.วัย 10 ขวบ ล่วงละเมิดทางเพศนานนับปี แถมพาเข้าโรงแรมหลายแห่งถ่ายคลิปข่มขู่


วานนี้ (15 ธ.ค.66) พลตำรวจตรีศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. รวมกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงข่าวการจับกุม โค้ชฟุตบอล อายุ 43 ปี พร้อมด้วยอดีตทหารยศพันตรี อายุ 64 ปี ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ซึ่งเป็นอดีตทหารยศพันตรีเกษียณราชการ

โดยนางปวีณา ระบุ ว่ากรณีนี้ สืบเนื่องจาก มีแม่เด็กชายวัย 10 ขวบ เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กตรี เพื่อขอช่วยเหลือลูกชายวัย 10 ขวบและเพื่อนวัยเดียวกัน ที่ถูกโค้ชและผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล รวมกัน 2 คน ร่วมกันข่มขืน พาตระเวนไปตามโรงแรมต่างๆเพื่อถ่ายคลิปข่มขู่เป็นเวลานานนับปี

โดยจากข้อมูลของแม่เยาวชนชาย ระบุว่า ที่ผ่านมามีโค้ชสอนฟุตบอลชายและผู้สนับสนุนทีมฟุตบอลยศพันตรีวัย 64 ปี จัดตั้งทีมฟุตบอลเยาวชนชาย ได้มาขอใช้สนามฟุตบอลโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดอุดรธานี เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกซ้อม ซึ่งจะมีเด็กนักเรียนชายในโรงเรียนอายุ 9 -13 ปี สนใจกีฬาฟุตบอลเข้าร่วมสมัคร

ก่อนที่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เด็กชายเอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 เอาเสื้อฟุตบอลไปคืนครูและบอกว่าจะไม่เล่นฟุตบอลอีกแล้ว ครูจึงแปลกใจ เพราะเด็กรักในการเตะฟุตบอลมาก จึงได้ถามจน ด.ช.เอ เล่าให้ฟังว่า ถูกนายหนึ่ง (นามสมมุติ) โค้ชฟุตบอล ซึ่งมีอาชีพหลักเป็นข้าราชการ อายุ 43 ปี และนายสอง (นามสมมุติ) อดีตทหารยศพันตรี ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล อายุ 64 กว่าปี ข่มขืนกระทำชำเราทางทวารหนักและถ่ายคลิปหลายครั้งที่บ้านพักและโรงแรม ระหว่างเก็บตัวฝึกซ้อม หรือเดินทางไปแข่งขันตามจังหวัดต่างๆ ก็จะถูกข่มขืน

นอกจากนี้แม่ด.ช.เอ ยังเล่าอีกว่า เด็กๆ ที่อยู่ในทีมส่วนใหญ่จะอยู่แบบไป-กลับ เมื่อฝึกซ้อมเสร็จก็กลับบ้าน แต่จะมีเด็ก 4-5 คน ที่โค้ชและพันตรีผู้สนับสนุน จะคุยกับผู้ปกครองขออุปถัมภ์และให้กินนอนที่บ้านโค้ช

ก่อนที่ช่วงวันที่ 30 กรกฎาคม ถึงช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โค้ชกับผู้สนับสนุนพาเด็กๆ ไปแข่งขันที่จังหวัดบึงกาฬ  โดยเปิดห้องพักที่รีสอร์ท หลังแข่งเสร็จ โค้ชกับพันตรีผู้สนับสนุนก็จะเรียกเด็กไปกระทำชำเราที่ห้องพัก ห้องละ 2-3 คน โดยผลัดเปลี่ยนกันกระทำและถ่ายคลิป ซึ่งในจำนวนนั้นก็มี ด.ช.เอ และด.ช.บี ถูกกระทำด้วย

ซึ่งก่อนหน้านี้เด็กๆ ก็ถูกกระทำระหว่างไปแข่งขันที่จังหวัดบึงกาฬเช่นกัน และเด็กอีก 3 คนที่อยู่บ้านโค้ดก็จะถูกผลัดเปลี่ยนกันมาให้โค้ชและผู้สนับสนุนกระทำ บางครั้งเด็ก 4-5 คนก็ถูกสั่งให้มาร่วมวงพร้อมกันและผลัดกันกระทำทางเพศพร้อมถ่ายคลิปเก็บไว้

ซึ่งตลอดเวลาเด็กๆ ทุกคนไม่กล้าขัดขืนเพราะโค้ชและผู้สนับสนุนเคยข่มขู่ไว้ว่า จะไล่ออกจากทีมและไม่ให้เล่นฟุตบอลอีก เด็กทุกคนจึงต้องยอมทน เพราะอยากจะเล่นฟุตบอลและอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอล หากใครกลับบ้านหรือหายไปไม่มาฝึกซ้อม โค้ชกับผู้สนับสนุนก็จะไปตามถึงบ้านและรับตัวกลับมากระทำอีก

หลังกลับจากจังหวัดบึงกาฬ ด.ช.เอ ก็ไม่ไปฝึกซ้อมและพยายามตีตัวออกห่าง กระทั่งวันที่ 25 สิงหาคม โค้ชกับพันตรีผู้สนับสนุนก็มาตามที่บ้าน ด.ช.เอ  ยายซึ่งไม่รู้เรื่องก็ยอมให้หลานไปอยู่บ้านโค้ชอีก และด.ช.เอ ก็ถูกกระทำเรื่อยมา จนวันที่ 6 พฤศจิกายน  ด.ช.เอ ทนไม่ไหวจึงได้ขอลาออกจากทีมและเอาเสื้อมาคืน

ขณะที่ ด.ช.บี ซึ่งถูกโค้ชและผู้สนับสนุนกระทำชำเราด้วย เมื่อรู้ว่า ด.ช.เอ ไม่ยอมทนแล้วจึงได้ออกจากทีมด้วย เมื่อแม่และยายของเด็กชายทั้งสองรู้เรื่องก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะทั้งโค้ชและผู้สนับสนุนเป็นคน กว้างขวางและรู้จักคนที่มีตำแน่งใหญ่โต จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเอาผิดโค้ชกับผู้สนับสนุน 2 คนนี้ให้ดำเนินคดีถึงที่สุด

นางปวีณา ยังระบุอีกว่า หลังได้รับเรื่องได้นำตัวเด็กไปตรวจสอบ และพบร่องรอยการถูก กระทำการทางเพศจริง จึงได้มีการประสานมาที่ทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์จนนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้

ด้านพลตำรวจตรีศารุติ ระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา 6 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี , ร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร, ร่วมกันพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ, ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีเพื่อการอนาจาร และร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจให้เด็กกระทำอันมีลักษณะลามกอนาจาร กับผู้ต้องหาทั้ง 2 ซึ่งทั้ง 2 ให้การรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหา

นอกจากนี้ ขณะเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบคลิปอนาจาร ที่ทั้งสองถ่ายไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะขยายผลไปตรวจสอบว่า มีการนำคลิปไปใช้เพื่อการค้าหรือเปิดกลุ่มลับและส่งคลิปไปหรือไม่ เพราะหากมีการกระทำดังกล่าวจริง จะต้องดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์เพิ่มเติมด้วย ซึ่งหากตรวจพบว่ามีการเปิดกลุ่มลับจริง ผู้ที่อยู่ภายในกลุ่มก็จะต้องถูกดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการทางคดีด้วยเช่นกัน

ขณะที่แม่ของโค้ช อายุ 73 ปี ไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อเหตุล่วงละเมิดเด็ก เพราะลูกชายเปิดบ้านเป็นแคมป์ฟุตบอลมาหลายปี ตั้งแต่รับราชการครั้งแรกอยู่ที่ จ.เลย รวม 16-17 ปี พาเด็กไปเตะฟุตบอลต่างจังหวัด มีผู้พันกุ๋ย อายุ 64 ปี ชาวสุราษฎร์ธานี เป็นผู้สนับสนุนเรื่องชุดกีฬา ซึ่งไม่เคยมีปัญหาเรื่องล่วงละเมิดเด็กเลย เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็คงต้องไปสู้คดี โดยจะให้ลูกสาวไปประกันตัวลูกชาย

ส่วนพี่สาวโค้ช อายุ 54 ปี เล่าว่า น้องชายตั้งแคมป์ฟุตบอล SP ACADEMY มาหลายปีแล้ว เพราะอยากส่งเสริมเด็กในเรื่องกีฬา เพื่อให้เด็กห่างไกลจากยาเสพติด ซึ่งมีผู้ปกครองนำลูกมาเข้าแคมป์กับน้องชายจำนวนมากทั้งในหมู่บ้านตัวเอง หมู่บ้านใกล้เคียง และต่างอำเภอ น้องชายได้พานักฟุตบอลไปแข่งได้ถ้วยรางวัลมาจำนวนมาก โดยบางครั้งก็มีเด็กมานอนและอยู่ที่บ้านน้องชาย และน้องชายยังมีเป้าหมายพานักฟุตบอลไปคัดเลือกเข้าโรงเรียนกีฬา ซึ่งประสบผลสำเร็จหลายคน ต่างก็กลับมาขอบคุณน้องชายที่ให้อนาคตลูกหลาน ส่วนผู้พันกุ๋ย เพิ่งจะเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนได้ 3 ปี และไม่เชื่อว่าน้องชายจะล่วงละเมิดเด็ก จึงอยากขอความเป็นธรรมให้น้องชายด้วย

ด้านนายพงษ์ชนะ หมั่นเก็บ อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า ตอนตำรวจมาที่บ้านและจับโค้ชไป ตนก็เพิ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นเรื่องล่วงละเมิดเด็ก และบอกว่า โค้ชจะไปทำงานจันทร์- ศุกร์ ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ จะพาทีมไปแข่งฟุตบอล และนำเด็กพาพักที่บ้าน ส่วนมากจะเป็นเด็กระดับประถมศึกษา พอรู้ข่าวตนถึงกับช็อก และไม่อยากเชื่อ เพราะโค้ชเป็นคนรักฟุตบอล เป็นโสด ไม่มีครอบครัว สร้างนักฟุตบอลมาหลายรุ่น  

ส่วนที่แคมป์ฟุตบอล ผู้สื่อข่าวพบ เด็กชายก้อง อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ซึ่งอยู่ในแคมป์ฟุตบอล เล่าว่า ตนเข้ามาอยู่แคมป์ฟุตบอลตั้งแต่อยู่ ป.3 อายุ 9 ขวบ เพราะชอบเตะฟุตบอล ตนเคยถูกโค้ชและผู้พันกุ๋ย ร่วมกันล่วงละเมิดให้อมนกเขา ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในแคมป์  โดยเหตุเกิดในห้องที่บ้านโค้ช จากนั้นก็โดนอีก 3-4 ครั้ง และถูกขู่ว่าห้ามไปบอกใคร ถ้าไม่เชื่อจะไล่ออกจากแคมป์ฟุตบอล ตนก็เลยไม่กล้าบอกใคร แต่ก็มีคนถูกกระทำแบบตนอีก 3-4 คน ส่วนมากจะเป็นเด็กอายุ 9-10 ปี  ซึ่งเป็นที่รู้กันในหมู่เด็กๆ พวกตนก็จะบอกกันต่อว่า อย่าไปใกล้โค้ชนะ เมื่อรู้ว่าตำรวจจับโค้ชไปแล้ว น้องบอกว่า เสียใจ และอยากบอกโค้ชว่า อย่าทำแบบนี้อีก  


https://youtu.be/KIF8o9WlDGQ

คุณอาจสนใจ

Related News