แม่ 'อ๊อฟ ธนกฤต' ร่ำไห้ สาวคู่กรณีเมาแล้วขับ ไม่มารายงานตัว ไร้คำขอโทษ ไร้การเยียวยา

ความคืบหน้ากรณีน้องอ๊อฟ ธนกฤต ที่ประสบอุบัติเหตุกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง หลังถูกหญิงสาวรายหนึ่งที่อยู่ในอาการมึนเมา ขับรถยนต์มาชนท้ายรถจักรยานยนต์ ทำให้น้องอ๊อฟหัวฟาดพื้น กะโหลกศีรษะร้าว อาการสาหัส กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง และจนถึงบัดนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้ออยู่ที่บ้าน

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ศาลจังหวัดลำพูน ได้ตัดสินคดีอาญาเมาแล้วขับ และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสพิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับเป็นเงิน 4 หมื่นบาท จำเลยสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท จำเลยทำผิดครั้งแรก ชดเชยค่าเสียหายให้โจทย์บางส่วนให้รอลงอาญา 2 ปี พักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถ 2 ปี และให้คุมประพฤติและทำงานบริการสังคมครบ 2 ปี

ส่วนคดีแพ่ง ศาลตัดสินให้จำเลยชดใช้โจทย์รวมเป็นเงิน 4,172,962.62 บาท และให้จำเลยชดให้ค่าธรรมเนียมและค่าทนายความให้กับโจทย์ร่วมด้วย ส่วนการอุทธรณ์คดีต้องปรึกษากับลูกความก่อนหลังจากอ่านผลการพิจารณาคดี ภายใน 30 วันหลังศาลตัดสิน

และวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ศาลจังอุทธรณ์ภาค 5 ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีที่แม่ของน้องอ๊อฟ ได้ยื่นฟ้องคู่กรณีขับรถชน ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิพากษาแก้โทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญาแก่จำเลย ซึ่งจำเลยได้รับการประกันตัว โดยศาลได้นัดให้จำเลยมารายงานตัววันที่ 9 กันยายน 2567 แต่จำเลยไม่มารายงานตัวรับโทษตามคำพิพากษาศาลอุธรณ์ภาค 5

ล่าสุดโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปของผู้ใช้เฟชบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า แม่น้องอ๊อฟธนกฤต ลำพูน หลังออกมาร้องไห้ พร้อมโพสต์ข้อความว่า ทนายส่งข่าวมาค่ะ ตอนนี้จำเลยไม่มารายงานตัวไม่มารับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์ภาค 5 ศาลได้ตัดสินให้จำเลยจำคุก น้องอ๊อฟกับแม่ได้แต่รอคอยให้เขามาเยียวยาบ้าง แม่ขอแค่เศษเงินเขา เพื่อจะมาซื้อนมให้น้อง แต่ตอนนี้จำเลยเมาแล้วขับที่ชนน้องได้หลบหนีไปแล้วค่ะ ตอนนี้แม่ลำบาก เขาไม่เคยมาเยี่ยม ไม่ขอโทษ ไม่เยียวยาน้องเลยตามคำสั่งศาลแม้แต่บาทเดียว ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แม่กับน้องจะอยู่กันอย่างไรต่อไปดี

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านของน้องอ๊อฟ จากการสอบถามรายละเอียดจากคุณอ้อม แม่น้องอ๊อฟ เปิดเผยว่า หลังลูกชายถูกคู่กรณีขับรถชนจนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนานกว่า 2 ปี ครึ่งตนและครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานมานาน เพราะต้องดูแลลูกชายที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เนื่องจากคู่กรณีไม่เคยมาเยียวยาลูกชายเลย ทุกวันนี้ต้องหารายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ เพื่อหาเงินใช้ในการดูแลรักษาลูกชายเฉลี่ยเดือนละ 3-4 หมื่นบาท

หลังจากทราบข่าวว่าคู่กรณีไม่มารายงานตัวที่ศาล ทำให้ตนเกิดความเครียดขึ้นมาทันที จึงอัดคลิประบายความในใจ ซึ่งที่ผ่านมาให้โอกาสคู่กรณีหลายครั้ง เช่นตอนที่ศาลชั้นต้นตัดสินให้เวลาเขาถึง 5 เดือนก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ในวันสุดท้าย เนื่องจากเขาไม่มาดูแลเลย ซึ่งหลังจากนี้คงต้องดูแลน้องให้ดีที่สุด ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่