ตำรวจ ปทส. จับหัวหน้าคนงานชาวจีนในโรงงานรีไซเคิล ฐานครอบครองวัตถุอันตราย

ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ดำเนินคดีชาวจีนวัย 46 ปี ฐานครอบครองวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานที่ฝ่าฝืนคำสั่งให้ปิดโรงงาน พร้อมกับยึดอายัดสารอันตรายหลายชนิด น้ำหนักกว่า 40 ตัน ซึ่งหากรั่วไหล หรือเกิดการสัมผัสกับน้ำ จะเกิดความร้อนแปรสภาพเป็นแอมโมเนีย ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้


หลังจากพลตำรวจตรีวัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจ ปทส.ได้สั่งการให้พันตำรวจเอกอรุณ วชิรศรีสุกัญยา รองผู้บังคับการ ฯ พร้อมพันตำรวจเอกวิญญู แจ่มใส ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการ ปทส. นำกำลังตำรวจ ปทส. ไปร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจค้นโรงงานทีแอนด์ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา


ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันดำเนินคดีกับ นายจาง โกว่ ตุ้ง อายุ 46 ปี เป็นชาวจีนที่รับผิดชอบดูแลโรงงานดังกล่าว ข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยไม่ได้ รับอนุญาต พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ เพื่อดำเนินคดีในความผิดดังกล่าว โดยล่าสุดพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 1 แสน บาท ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของวงเงินปรับสูงสุดของความผิดตามกฎหมายนี้ โดยความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต หากศาลตัดสินว่ามีความผิด จะมีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับสูงสุด 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


นอกจากดำเนินคดีนายจาง โกว่ ตุ้ง ในความผิดดังกล่าวแล้ว กรมโรงงานอุตสากรรม พร้อมตำรวจ ปทส. ได้ยึดอายัดของกลางซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่เป็นองค์กรประกอบของความผิด ประกอบด้วย


พลวงและสารประกอบพลวง / เบริลเลียม และสารประกอบเบริลเลียม/แคดเมียม และสารประกอบแคดเมียม, ตะกั่วและสารประกอบตะกั่ว,ซีลิเนียมและสารประกอบซิลิเนียม, เทลลูเรียมและสารประกอบเทลลูเรียม รวมถึงของเสีย ที่มีองค์ประกอบและสารปนเปื้อน สารหนูและสารประกอบสารหนู ปรอทและสารประกอบปรอท แทลเลียมและสารประกอบ แทลเลียม รวมประมาณ 41 ตัน กับอีก 500 กิโลกรัม


ที่จริงแล้ว เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ตำรวจปทส. ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม นำโดยนายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานฯพร้อมเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานอุตสาหกร รมจังหวัดปราจีนบุรี นำหมายศาลจังหวัดปราจีนบุรี ค้นเข้าตรวจค้นบริษัทรีไซเคิลแห่งนี้ และอีก 2 จุด พบการกระทำผิดที่เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 จึงมีคำสั่งยกเลิกใบอนุญาต พร้อมกับสั่งปิดโรงงาน นอกจากนี้ ยังพบโรงงานอีก 2 แห่ง ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ


ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งแจ้งว่า โรงงานทั้ง 3 แห่ง ยังลักลอบดำเนินกิจการเป็นปกติ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ตำรวจกองกำกับการ 2 บก. ปทส. และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงนำหมายค้นศาลจังหวัดปราจีนบุรี ค้นโรงงานดังกล่าวอีก กระทั่งพบการครอบครองวัตถุอันตราย พร้อมผู้รับผิดชอบ จึงดำเนินคดีดังกล่าว


สำหรับความผิด ที่โรงงานทั้ง 3 แห่ง ได้กระทำการฝ่าฝืนคำสั่งยกเลิกใบอนุญาต และสั่งปิดโรงงานก่อนหน้านี้ รวมถึงฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกหลายข้อหา อยู่ระหว่างแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม


สำหรับสารเคมีวัตถุอันตรายที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระบุว่า ถูกส่งมาคัดแยกในโรงงานรีไซเคิลนี้ เพื่อคัดแยกเอาสารตะกั่ว,ทองแดงและอลูมิเนียม ออกจากกากอุตสาหกรรม จากนั้นก็จะส่งเฉพาะกากหรือวัสดที่มีมูลค่ากลับประเทศจีน โดยสารวัตถุอันตรายนี้ มีหลายชนิดที่หากผสมหรือสัมผัสกับน้ำ หรือโลหะ จะเกิดความร้อนเป็นแอมโมเนีย เมื่อสูดดมเข้าไปมากจะเกิดอาการต่อร่างกายได้ โดยมีหลายชนิดที่เป็นสารมะเร็งในร่างกายด้วย