เกาะติดปัญหาโรงงานรีไซเคิลเถื่อน ตั้งปมสังสัยตั้งมากว่า 1 ปี แต่ไม่มีจนท.รู้มาก่อน

การตรวจค้นโรงงานรีไซเคิลเถื่อน พร้อมทั้งยึดอายัดทั้งเครื่องจักรและวัตถุดิบจำนวนมาก ที่อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้านหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการยับยั้ง ก่อนที่กิจการที่ไม่ได้รับอนุญาตเหล่านี้จะขยายไปมากกว่านี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีปมสงสัย ให้ต้องสืบลึกไปมากกว่านี้ ทั้งในแง่มาของวัตถุดิบในโรงงาน และโรงงานที่ตั้งมากว่า 1 ปี เป็นไปได้อย่างไร ที่จะไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยใดรู้มาก่อน


อุตสาหกรรมรีไซเคิล ไม่ใช่กิจการที่ไร้ประโยชน์ แต่เป็นกิจการที่ช่วยนำวัสดุสิ่งของ ที่ถูกใช้งานไปแล้ว กลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำเช่นนี้เรื่อยไป จะช่วยลดการสร้างวัสดุสิ่งของขึ้นใหม่


แต่ถึงอย่างนั้น ในขั้นตอนรีไซเคิล ยังมีสิ่งของตกค้างที่ไม่สามารถใช้ซ้ำได้อีก เรียกว่าเป็นหลายทางของวัสดุเหล่านั้นแล้ว จำเป็นต้องกำจัดอย่างถูกวิธีเพื่อ ไม่ให้เกิดผลกระทบ ต่อคนและสิ่งแวดล้อม และเพื่อกำกับดูแลให้โรงงานรีไซเคิลดำเนินการอย่างมีรับผิดชอบ จึงต้องขออนุญาตจากภาครัฐทุกส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนตั้งกิจการนี้ขึ้น


อย่างไรก็ตาม กลับพบผู้ประกอบการหลายรายทำกิจการเหล่านี้โดยไม่มีใบอนุญาต เช่น ที่ตำบลแปลงยาว อ.แปลงยาว ฉะเชิงเทรา ที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจล่าสุด พบว่าเป็นกลุ่มคนจีนเกือบทั้งหมดนั้น เป็นที่น่าสงสัยว่า คนกลุ่มนี้ตั้งโรงงานประกอบกิจการมากว่า 1 ปี ปี มีวัตถุจำนวนมากในโกดัง แต่กลับไม่มีใบอนุญาตใดๆนั้น คนกลุ่มนี้ทำได้อย่างไร หรืออาศัยให้ใครหนุนหลัง


เพราะที่ดินแปลงนี้ 150 ไร่ โรงงานแต่ละหลังมากกว่า พื้นที่มากกว่า 35000 ตารางเมตร อย่างน้อยที่สุด องค์กรปกครองท้องถิ่นต้องอนุญาตแบบแปลนตรวจสอบการก่อสร้าง และเป็นผู้อนุญาตให้ประโยชน์อาคารก่อน แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ระบุว่ายังไม่มีเอกสารใดๆมาสำแดง


เช่นเดียวกับความผิดรับชอบของหน่วยงานในอุตสาหกรรมจังหวัด ที่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มโรงงานเหล่านี เพราะอย่างน้อย โรงงาน 1 แห่งใน 10 โรงนี้ ก็อยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสงสัยว่า เป็นได้อย่างไรที่จะไม่รู้ว่ามีโรงงานอีก 9 แห่งตั้งอยู่ติดกัน หรือมีสิ่งใดหรือไม่ ที่ทำให้มองไม่เห็น แต่ทำอะไรไม่ได้


ข้อมูลตอนนี้ชัดเจนว่าแล้วว่าที่ดินประมาณ 150 ไร่ แปลงนี้ มีบริษัทเอวาย แอลพี จำกัด สาขาแปลงยาวเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ บริษัทนี้จดทะเบียนเมื่อปี 2561ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ต้งอยู่ที่ต.บางปะกง อ.บางปะกง ขณะจดทะเบียนธุรกิจมีวัตถุประสงค์ ซ่อมเครื่องจักรใช้งาน เครื่องยนต์ และยานพาหนะเป็นต้น  แต่งบการเงินปีล่าสุด แจ้งว่าทำธุรกิจก่อสร้าง ที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย


ข้อมูลนี้สอดคล้องกับที่พนักงานคนหนึ่งที่นำตรวจโรงงานบอกว่า ที่ดิน 150 ไร่ ได้ก่อสร้างเป็นอาคารโรงงานเพื่อให้เช่าทำกิจการรีไซเคิล มีแผนก่อสร้างอย่างน้อย 17 โกดัง โดยฝั่งเลขคี่แล้วเสร็จก่อน คือโกดังหลายเลข 333/1 /3/5/7/9/11/13/15/ และ17 ฝั่งนี้เข้าประกอบกิจการ มีแรงงานพักอาศัยแต่อ้างว่าไม่มีสัญญาเช่า ส่วนฝั่งเลขคู่อ มีเพียงโกดังหมายเลข 333/6 ระบุว่าบริษัทไฟร์ ฟินิกส์ เป็นผู้ขออนุญาตตั้งโรงงานและอยู่ระหว่างประกาศรับฟังความคิดเห็น แต่แรงงานชาวอินเดีย ที่มาเป็นหัวหน้าคุมงาน กลับเป็นแรงงานในสังกัดบริษัทไทย เอนวิโร่ หรือเท่ากับว่าแรงงานชาวอินเดียคนนี้ ทำงานผิดนายจ้างที่ได้รับอนุญาตใน เวร์ค เพอมิต หรือหากแรงงานคนนี้ไม่ได้ทำงานผิดนายจ้าง แล้วบริษัท ไทยเอนวิโร่ เกี่ยวข้องกับโรงงานรีไซเคิลเมล็ดพลากติกนี้อย่างไร



ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นประเด็นปริศนา ที่หากต้องการสาวไปให้ถึงต้นตอ ต้องสอบสวนให้กระจ่าง และความผิดหลายกรณีเช่นนี้ ควรนำเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลมากกว่า จะเป็นการเปรียบเทียบปรับแล้วจบคดี เพราะจะไม่ต่างกับการฟอกคดีของผู้ทำผิดให้กลับมาเปิดกิจการใหมได้