'ทนายบอสพอล' รวบรวมหลักฐาน ลุยเอาผิดแก๊งตบทรัพย์-แม่ข่ายเนียนเป็นผู้เสียหาย

ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับคดีดิไอคอน ล่าสุด ทนายความบอสพอล ออกมาเปิดเผยว่า จะยังไม่แจ้งความดำเนินคดีกับทนายคนดัง กรณีกล่าวหาเรียกเงิน 7 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน พร้อมกับย้ำว่า"บอสพอล" ยังมีคลิปเสียงลับอีกเป็นร้อยคลิป และจากนี้จะมีคนถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกจำนวนมาก



ขณะที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยืนยันจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่นายอัจฉริยะ เข้าไปร่วมฟังการสอบสวนโค้ชแลปในเรือนจำ ทั้งที่ไม่ได้เป็นทนายความหรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย



นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล เปิดเผยถึงประเด็นหนึ่งในทนายความดรีมทีม ที่อ้างว่าเรียกเงินจากบอสพอล 7 ล้านบาท โดยบอกว่าจะนำไปจ่ายให้ผู้เสียหายในคดีของบริษัทดิไอคอน กรุ้ป



ซึ่งต่อมาพบว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม โพสต์เฟซบุ๊กท้าให้เปิดคลิปเสียงเพื่อพิสูจน์ว่า เงินจำนวนนี้เอามาให้ทนายความ หรือเอาไปให้ผู้เสียหาย



นายวิฑูรย์บอกว่า ตอนนี้พยานหลักฐานยังไม่ชัดเจน จึงขอให้ทีมงานตรวจสอบก่อน เพราะต้องการทำให้รัดกุม



เเต่ก็ยืนยันว่า เขามีคลิปเสียงหลักฐานอีกกว่า 100 คลิป เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดเเล้ว จะไล่ดำเนินคดีทั้งหมดเเละทุกคนที่เกี่ยวข้อง



ส่วนการดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ที่นายวิฑูรย์ บอกว่า นำพยานเท็จมาให้ข้อมูลกับตำรวจ ปปป. เรื่องเงินคลิปโต ตอนนี้ได้รับมอบอำนาจมาจากบอสพอลแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยในส่วนนี้ จะเป็นหน้าที่ของทนายความอีกคนรับไปดำเนินการ



นอกจากนี้ บอสพอลยังเตรียมมอบอำนาจให้ดำเนินคดีกับแม่ข่าย ที่ไปออกรายการดัง แล้วตีเนียนว่าเป็นผู้เสียหาย ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งบุคคลรายนี้คือกลุ่มที่ 4 ที่บอสพอลเเจ้งให้ดำเนินคดี เเละอาจจะพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้เสียหาย ที่แม่ข่ายสาวรายนี้พามาแจ้งความด้วย เพราะต่างก็ได้ยอดกำไรจากการขายสินค้าไปเยอะแล้ว



ทนายวิฑูรย์ ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ขอยื่นประกันตัวกลุ่มบอส โดยอาจจะรอให้ตำรวจสอบสวนจนพ้นการฝากขังผัดแรกไปก่อน



ด้านพลตำตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ได้เรียกสามีของ"นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์" ซึ่งเป็นอดีตตำรวจของ บก.ปคบ. มาให้ปากคำที่ตำรวจสอบสวนกลางในวันนี้ หลังมีคลิปเสียงปรากฎว่าอยู่ในกลุ่มเทวดา ที่เรียกรับเงินบอสพอล



ขณะที่ยอดผู้เสียหาย หลอกลงทุนบริษัท"ดิไอคอนกรุ๊ป" ที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระหว่างวันที่ 10-26 ตุลาคม 2567 มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 3,424 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้ว 1,168 ล้านบาท



จากกรณีที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ"บอสพอล" เตรียมดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และตำรวจชุดพนักงานสอบสวน บก.ปปป. หลังพบว่านายอัจฉริยะ ได้เข้าไปร่วมรับฟังการสอบสวนนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ"โค้ชแลป"ในเรือนจำ ทั้งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความ หรือ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย แต่อ้างว่าได้รับการอนุญาตจากญาติของโค้ชแล็ปนั้น



โดยนายวิฑูรย์ ยืนยันว่า ห้องที่มีการสอบสวนโค้ชแล็ป แม้แต่ทนายความของผู้ต้องหาก็ยังเข้าไปฟังไม่ได้ ซึ่งได้สอบถามน้องสาวของโค้ชแล็ปแล้ว ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว



ขณะที่นายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่านายอัจฉริยะ มีความประสงค์เดินทางเข้าไปเพื่อนำเอกสารไปให้โค้ชแล็ป ลงนามแต่งตั้งเป็นทนายความ แต่โค้ชแล็ปปฏิเสธเพราะมีทนายความอยู่แล้ว



ส่วนนายอัจฉริยะ เข้าไปนั่งอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนของเรือนจำฯจริงหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เเต่หากพบว่าเป็นการบุกรุกเข้าไปเอง ทางเรือนจำฯ ก็จะต้องละเว้นการให้เข้าเยี่ยม-เข้าพบของบุคคลดังกล่าว และต้องสอบถามพนักงานสอบสวนว่า อนุญาตให้นายอัจฉริยะเข้าไปภายในห้องสอบสวนของเรือนจำฯจริงหรือไม่ และเข้าไปด้วยกันในฐานะอะไร ซึ่งทางเรือนจำอาจจะมีหนังสือส่งไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งว่ากิจกรรมแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น