เลือกตั้งและการเมือง

'อนุทิน' ชี้ดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน - 'สมศักดิ์' ย้ำทำเพื่อ ปชช. ไม่เกี่ยวนายทุน

โดย nattachat_c

10 ก.ค. 2567

59 views

‘อนุทิน’ ชี้ดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติดกระทบเชื่อมั่นนักลงทุน ย้อนหากปรับ ครม. กลับไปคุม สธ.จะทำอย่างไร ดึงสติข้าราชการ ขอให้สร้างบรรทัดฐาน อย่าตามใจรัฐมนตรี ลั่นโหวตโน ในชั้น ป.ป.ส. ไม่แทรกแซงใคร แต่ไม่รู้ปลัดมท. โหวตแบบไหน ขอสื่ออย่ามองว่าถูกหักหน้า ด้าน ‘สมศักดิ์’ เผยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ไม่กระทบ ‘ภูมิใจไทย’ รอเสนอเข้า คณะกรรมการ ป.ป.ส. ก่อนออกประกาศ ชี้ทำตามกรอบกฎหมาย ย้ำไม่เกี่ยวข้องนายทุน ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ประชาชน


วานนี้ (9 ก.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข เตรียมนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กรรมการ ป.ป.ส.) ว่า


ตน และพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข เพราะกรรมการชุดนี้ เป็นชุดเดียวกันที่เคยแนะนำตนในสมัยเป็น รมว.สาธารณสุข ให้นำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และการจะนำกัญชาออกจากยาเสพติด ตัวรัฐมนตรีไม่สามารถเอาออกได้ ต้องมาจากคำแนะนำจากคณะกรรมการชุดต่างๆ


ตอนที่เอาออกจากยาเสพติดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็คือกรรมการชุดนี้ แล้วเหตุใด วันนี้ กรรมการชุดนี้จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ตนเองเป็นข้าราชการประจำก็ต้องทำตามนโยบายของรัฐมนตรี และตนจะไปเถียงอะไรเขาได้ ซึ่งก็จริงของเขา


แต่ตนก็อยากรู้ว่า การจะทำอะไรก็ต้องมีหลักการ ตนเป็น รมว.สาธารณสุข 4 ปี ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าไม่ดี และทุก ๆ เดือน กระทรวงสาธารณสุขก็พาตนไปทำแคมเปญเรื่องกัญชา ไม่มีโรงพยาบาลไหนที่ไม่มีคลินิกกัญชาเลย มีแต่เรื่องการสนับสนุนกัญชาทุกอย่าง


ซึ่งตอนนั้น ตนก็เชื่อหมอ ตนถึงขอย้ำว่า เรื่องนี้หากมีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา ทุกอย่างก็จบ เพราะอย่าลืมว่าเวลาเจรจาเรื่องการเมืองต่างๆ ต้องสนับสนุนนโยบายของพรรคร่วมทุกพรรคอยู่แล้ว เราไม่อยากให้มีปัญหา ตนไม่ได้ห่วงเรื่องกัญชา ตนห่วงเรื่องภาพรวม ถ้าปรับเปลี่ยนบ่อย ๆ หรือปรับเปลี่ยนตามใจผู้บริหาร ใครจะมาลงทุน เรากำลังจะเร่งสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ


หากวันหนึ่งปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว พรรคภูมิใจไทยกลับไปดูกระทรวงสาธารณสุขอีก ผมต้องเอากัญชาออกมาจากยาเสพติด เพราะเป็นนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย แล้วข้าราชการประจำต้องทำตามแนวทางรัฐมนตรี ก็ต้องนำออกจากยาเสพติดอีก แบบนี้คนมาลงทุนก็จะขาดความเชื่อมั่น ไม่ใช่มิติของกัญชาเพียงอย่างเดียว แต่จะหมายถึงส่วนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งอาจจะกระทบทั้งประเทศ ยกตัวอย่าง หากนักลงทุนต่างชาติมาถาม หากจะมาลงทุนเมืองไทย แล้วกฎหมายเปลี่ยนทุก ครม.หรือเปล่า ถ้าเราบอกว่าเปลี่ยน ใครเขาจะมา เพราะนักลงทุนต้องการความยั่งยืน


เมื่อถามว่า จะไปต่อสู้ในชั้นคณะกรรมการกรรม ป.ป.ส.อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ต่อสู้ และไม่เคยสู้ใครอยู่แล้ว แต่จะใช้เหตุผลเข้าว่า เพราะโหวตก็แพ้ แต่ตนก็จะโหวตโน และถ้าจะโหวตโดยใช้มติมหาดไทยก็มีแค่ 3-4 เสียง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าปลัดกระทรวงมหาดไทย จะเห็นด้วยกับตนหรือไม่ เราจะไปบังคับทุกคนได้อย่างไร และตนก็ไม่เคยสั่งใครให้โหวตตาม ทุกคนต้องใช้ดุลยพินิจของตัวเอง


เมื่อถามว่า ถูกมองว่าเป็นการหักหน้าหรือไม่เพราะนโยบายกัญชาเป็นนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มองว่าเป็นการถูกหักหน้า เพราะหากมองว่าถูกหักหน้า ตนคงไปร่วมประท้วงกับผู้ชุมนุมต้านกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ที่บริเวณหน้าทำเนียบในเวลานี้แล้ว แต่เรื่องนี้ เราต้องว่ากันด้วยเหตุด้วยผล และนโยบายหาเสียงปี 66 ของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้มีเรื่องกัญชา เพราะเราคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่เมื่อตนไม่ได้ดูกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่สามารถไปกำหนดนโยบายอะไรได้


เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ปฏิบัติตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีทุกเรื่อง รวมถึงสนับสนุนโยบายพรรคเพื่อไทย อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และให้ต่างชาติซื้อคอนโด 75% แต่นโยบายของพรรคภูมิใจไทยกลับถูกหักหน้า นายอนุทิน ย้ำว่า บอกแล้วว่า ไม่ได้ถูกหักหน้า สื่อชอบถามให้คนมีเรื่องกัน ขอยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องหักหน้า หรือไม่หักหน้า เพราะทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ ทุกอย่างต้องเป็นเป็นไปตามสัญชาตญาณ


และวันนี้ ตนไม่ได้ดูแลกระทรวงสาธารณสุข จะไปแทรกแซงนโยบายของรมว.สาธารณสุขได้อย่างไร แต่ตนไม่อยากให้มีบรรทัดฐาน รัฐมนตรีคนไหนเข้ามาแล้วทำตามใจรัฐมนตรี แต่ควรทำเรื่องนี้ให้เป็นกฎหมายหรือ พ.ร.บ.เพื่อความยั่งยืน

---------------

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณี ที่คณะกรรมการยาเสพติด ของกระทรวงสาธารณสุข จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ตอนนี้ ผ่านเรื่องแล้ว และต้องเอาเข้าคณะกรรมการ ป.ป.ส. ซึ่งต้องส่งเรื่องให้พิจารณาก่อนการประกาศสารหรือพืชชนิดใดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประกาศได้เอง ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจาก ป.ป.ส. ก่อน


โดยคาดว่าจะประชุมกันสิ้นเดือนนี้ หากเห็นว่าเป็นยาเสพติด ต้องทำกฎหมายรอง กฎกระทรวง และประกาศอีก 4 ฉบับ ที่รวมถึงการปลูก โดยต้องนำเข้า ครม. แต่การประกาศเป็นยาเสพติดประเภท 5 ไม่ต้องเข้า ครม. เพราะเรื่องยาเสพติดมีอันตราย มีความเกี่ยวข้องกับผู้คน กฎหมายจึงเขียนให้รัฐมนตรีกระทำโดยเร็ว


นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 64 เป็นระยะเวลา 2 ปีกว่าแล้ว ถือเป็นกฎหมายหลัก และต้องมีกฎหมายลูกตามมาซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 2 ปี วันนี้ น่าจะสมบูรณ์ แต่เนื่องจากว่าเราออกกฏหมายรอง หรือ พ.ร.บ.ไม่เสร็จ เพราะการเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น กฎหมายไม่ผ่าน จึงจบไม่ทันเวลา และสามารถต่อได้อีก 1 ปี โดยจะครบกำหนดวันที่ 9 ธ.ค. นี้ คือ พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การทำร่างกฎหมาย และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายปี 2562


ดังนั้น เมื่อทำไม่ทันแล้วจึงต้องรีบออกประกาศมายับยั้ง ตนเองคิดว่า ถ้าเราเห็นว่ากัญชามีปัญหา คนส่วนใหญ่เห็นว่ายังเป็นปัญหา จึงใช้แนวทางในการออกประกาศว่าเป็นยาเสพติดประเภทที่5 เพื่อให้ทันเวลาในกรอบระยะเวลา 2 + 1 ปี ตามเงื่อนไขกฎหมาย โดยหากจะออกเป็นกฎหมายก็ไม่สามารถทำทัน เพราะการออกกฏหมายแต่ละฉบับ ใช้เวลา 2 ปี ย้ำว่า แก่นของปัญหาคือพี่น้องประชาชนที่บริโภคกัญชาเหล่านี้ มีไอคิวลดลง คนส่วนใหญ่ยังกลัวอยู่


เราไม่ได้ปิดกั้นเป็นยาเสพติดตลอดไป ถ้าในโอกาสหน้า รัฐบาลหน้า หรือการออกกฏหมาย ไม่ใช่เฉพาะกฎหมายของรัฐบาล ส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร พี่น้องประชาชนทุกคนเป็นหมื่นคนก็ลงรายชื่อ เพื่อเสนอเป็นกฎหมายได้


และ สส. ในสภาผู้แทนราษฎร สามารถเสนอกฎหมายได้เป็นกฎหมายในนามของพรรคการเมือง ก็สามารถเสนอได้ แต่ในส่วนของรัฐบาล เรามองเห็นว่าผลเสียมีมากกว่าผลดี


นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ ที่มีการสั่งมาตามที่ผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบอ้าง แต่เอื้อประชาชนโดยรวม กลุ่มผู้ชุมนุม วันนี้ ตนเองเคยเจอมาแล้ว และต้องการนันทนาการ สันทนาการ สำหรับคนป่วยที่ต้องการใช้กัญชา ต้องให้เข้าถึงได้ ไม่ยุ่งยาก แต่วิธีการขึ้นอยู่กับผู้ที่เขียน


เมื่อถามว่า จะเกิดปัญหากับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะเป็นนโนบายเรือธง นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาพรรคร่วม หรือพรรคภูมิใจไทย เพราะเข้าใจเงื่อนไขของเวลาตนเองไม่ได้ขัดแย้ง ตนเองเอาใจช่วยมาแต่แรกแล้ว แต่ไปแล้วไม่ผ่าน ก็ไม่ใช่ความผิดของตนเอง จึงต้องรับผิดชอบต่อสังคม


นายสมศักดิ์ ย้ำว่า หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ และผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวจากคดีที่ครอบครองกัญชา เนื่องจากมีกฎหมายในการคุ้มครองผู้ประกอบการเพียงแค่ยื่นเจตจำนงไว้ ก็ถือว่ามีใบอนุญาต


เมื่อถามว่า หากผู้ชุมนุมยืนยันปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะได้ความชัดเจน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เขาต้องการใช้ในด้านนันทนาการ เราได้เรียนไปตามข้อเท็จจริงแล้ว และได้ให้แนวทางของแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก ก็มีอำนาจหน้าที่ในสิ่งต่าง ๆ ที่เรากำลังเขียนขึ้นมา และการที่จะเข้าสู่คณะกรรมการ ป.ป.ส. หากมีข้อสงสัยให้สอบถามได้ที่ อย.

------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rh3rFswnjFw


คุณอาจสนใจ

Related News