เลือกตั้งและการเมือง

‘ภูมิธรรม’ ป้อง ‘ชาญ’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ต้องรอศาลสั่ง ชี้ ความเห็นกฤษฎีกาไม่ต้องทำตามทุกเรื่อง

โดย JitrarutP

2 ก.ค. 2567

71 views

“ภูมิธรรม” ป้อง “ชาญ พวงเพ็ชร์” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ. ปทุมฯ ต้องให้ศาลตัดสินชี้ขาด ชี้ ความเห็นกฤษฎีกาไม่ต้องทำตามทุกเรื่อง มองปัญหาตอนนี้คือคนจินตนาการไปก่อน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกรณีที่ กรมอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ทำหนังสือชี้แจงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกรณีเข้าสมัครเป็นนายก อบจ. ปทุมธานีและการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ หลังการเลือกตั้งนายก อบจ. ปทุมธานีเป็นทางการแล้ว ว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เรื่องของนายชาญ ป.ป.ช. เคยยื่นต่อศาล และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้ประทับรับฟ้องไปแล้วซึ่งตอนนั้นนายชาญได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว จึงไม่ได้มีคำสั่งอะไร ส่วนหนังสือเวียนที่มีความเห็นของกฤษฎีกา ตนคิดว่าเป็นข้อคิดเห็นทางกฎหมาย เรามองว่านายชาญจะหยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่กระบวนการขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ต้องเป็นคำสั่งศาลเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามอัตโนมัติอย่างที่กังวลใจกัน อันนี้เป็นเรื่องใหม่ เป็นสถานการณ์ใหม่ในการดำเนินการนายชาญยังมีสิทธิ์ เพราะตอนที่มาสมัครก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไร ยังสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ และอยู่ในดุลยพินิจของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และในปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อกฎหมายอะไร อีกทั้งยังไม่มีคำสั่งจากศาลที่ไปบังคับห้าม ที่จะให้ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของศาล



ส่วนกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 81 และ 93 ยังไม่ชี้ชัดพอใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังเพราะศาลยังไม่มีคำสั่งว่านายชาญผิดเพียงแต่รับเรื่องไว้พิจารณา ถือว่ายังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ถ้ามีคำสั่งชัดเจนบอกว่าผิดก็ถือว่าจบ เพราะฉะนั้นในกระบวนการยุติธรรมเท่าที่ดูหลายเรื่อง ที่ยังไม่ชัดเจนก็ต้องอยู่ที่อำนาจศาลตัดสินใจ วันนี้เพียงแค่ประทับรับฟ้อง เพื่อให้จำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้ ต้องเข้าใจกระบวนการยุติธรรมได้ว่าการที่ใครถูกกล่าวหา ถูกจับดำเนินคดี เพราะยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ยังต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนว่ามีความผิดหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีคำสั่งอะไรที่ชัดเจน

พร้อมย้ำว่า ในขณะที่ศาลรับคำฟ้องนายชาญ ออกจากหน้าที่แล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็หายไปแล้ว เมื่อมาสมัครใหม่ กกต. ก็ได้พิจารณารับสมัครเข้ามาโดยไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ย้ำว่าเรื่องนี้อย่าพึ่งไปกังวลใจ อยู่ที่ความเป็นจริงและอยู่ที่การพิจารณา



เมื่อถามย้ำว่า กฎหมายเขียนว่าแม้จะกลับเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ หากกระบวนการยังไม่ชี้ชัดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน นายภูมิธรรมย้ำว่าเป็นความผิดของกฤษฎีกา สุดท้ายต้องให้ศาลสั่งไม่ใช่กฤษฎีกาบอกว่า อย่างนั้นอย่างนี้แล้วทุกคนต้องดำเนินการให้ดูความจริงที่เกิดขึ้นว่าหลายเรื่องมีความเห็นของทฤษฎีออกมาแต่ศาลก็ตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ เพราะอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล เราต้องไม่ไปก้าวล่วง

เมื่อถามว่าในมุมของพรรคเพื่อไทยคิดว่าจะต้องมีคำสั่งของศาลก่อนถึงจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า กฎหมายเป็นแบบนั้น เมื่อกฎหมายชัดเจนว่าต้องให้ศาลสั่ง ขณะนี้ศาลยังไม่สั่งอะไร จนกระทั่งมีคุณสมบัติไปสมัครได้ ก็ต้องรอดุลยพินิจของศาล จึงไม่ใช่ในมุมของเพื่อไทยมอง แต่เป็นไปตามกฎหมายที่ต้องรอกระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ทราบแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่คัดเลือกฝ่ายคัดเลือกได้ไตร่ตรองดีแล้ว ตนไม่ทราบตอนนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปอยู่ในพรรคมากต้องปล่อยไปตามกระบวนการ

เมื่อถามว่าตัวของนายชาญ น่าจะรู้ว่าตนเองมีเรื่องนี้อยู่แล้วยังไปสมัคร หากต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะต้องยืดระยะเวลาการบริหารออกไป จะส่งผลต่อชาวปทุมธานีหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่ายังไม่รู้เลย ว่าจะให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องจินตนาการ ต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่

“ที่เป็นปัญหาของประเทศไทยคือคนจินตนาการไปก่อนที่ศาลจะตัดสิน เพราะฉะนั้นจะเป็นการไปละเมิดดุลยพินิจของศาล ตนว่าทุกอย่างให้เป็นตามกระบวนการของศาล เป็นดุลยพินิจสรุปชัดเจนอย่างไรแล้วค่อยดำเนินการตามนั้น”

ส่วนมองอย่างไรเมื่อมีผลเลือกตั้งออกมาก็เรื่องนี้ทันที นายภูมิธรรมระบุว่าเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย เวลาเลือกตั้งเสร็จก็มีวิจารณ์ ก่อนเลือกตั้งก็มีโพล ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง รอให้กระบวนการที่มันถูกต้อง จะดีกว่าแล้วไม่ต้องไปโทษใคร ว่าใครจะกลั่นแกล้งใคร หรือรื้อฟื้นอะไรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ถ้าเรายึดกฎหมายยึดกระบวนการยุติธรรม ทุกคนก็สบายใจได้

ถึงไม่ได้ใช่เมื่อถามย้ำว่าหนังสือเวียนของกฤษฎีกายังยึดถือไม่ได้ ต้องรอกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ได้พูดอย่างนั้น การถามความเห็นกฤษฎีกาก็อยู่ในช่วงยุคสมัยหนึ่ง กระบวนการนั้นยังไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย และนายชาญไม่ได้อยู่ในวิถี ที่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในหน้าที่มันก็จบตรงนั้น กระบวนการทั้งหมด กกต.ก็พิจารณาแล้ว ว่าคุณสมบัติไม่ขาดยังไม่เป็นผู้ถูกตัดสินว่าผิดเขาก็ยังมีสิทธิ์ อย่าไปวินิจฉัยแทน ตนว่าเค้าก็ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ถึงที่สุดตรงนั้นแล้วค่อยมาว่ากัน ว่าอะไรเป็นอะไรเสียหายหรือไม่เสียหาย

เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่านายชาญจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ นายภูมิธรรมย้ำว่า เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและดุลพินิจศาล เราก็เชื่อใจในความบริสุทธิ์ของทุกคนถ้าไม่ถูกตัดสินคดี

คุณอาจสนใจ

Related News