สหรัฐฯ อนุญาตให้ทหารจากกองกำลังพิทักษ์ถืออาวุธลาดตระเวนในวอชิงตัน ดี.ซี.

สหรัฐอเมริกา เริ่มอนุญาตให้ทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติที่ถูกระดมเข้าไปลาดตระเวนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถืออาวุธได้ อ้างเป็นการปราบปรามอาชญากรรมในเมืองหลวง

เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่า ทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติของสหรัฐฯ ได้เริ่มพกอาวุธตั้งแต่เที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น โดยอาวุธที่พกนั้นเป็นปืนพก M17 และปืนไรเฟิล M4 แต่ยังทราบว่าจำนวนของกำลังพลที่ได้รับอนุญาต

อย่างไรก็ดี กองกำลังเฉพาะกิจร่วม-ดีซี ของกองกำลังพิทักษ์ชาติระบุในแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์ว่า ทหารจะใช้กำลังเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตหรือเสี่ยงที่จะทำให้บาดเจ็บสาหัส

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อปราบปรามอาชญากรรมในเมืองหลวง และได้ระดมกำลังทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติหลายร้อยนายเข้ามาประจำการและลาดตระเวนตามท้องถนนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้อนุญาตให้ทหารเริ่มพกอาวุธได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวยืนยันว่า นับตั้งแต่ส่งทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติเข้ามาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เหตุอาชญากรรมก็หายไปแล้ว ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกอีกว่า เขาอาจจะขยายปฏิบัติการนี้ไปยังเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสีน้ำเงินที่ปกครองโดยพรรคเดโมแครต ซึ่งแน่นอนว่ามันสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับฝ่ายเดโมแครต

นายฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการส่งทหารไปยังชิคาโก ความเคลื่อนไหวนี้เป็นความพยายามในการสร้างวิกฤตการณ์ขึ้นมา ทั้งที่ อาชญากรรม รวมถึงคดีฆาตกรรมในชิคาโกลดลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ล่าสุด กระทรวงกลาโหมเริ่มดำเนินการวางแผนเบื้องต้นที่จะส่งทหารไปยังชิคาโกตามคำร้องขอของทรัมป์แล้ว

เช่นเดียวกันกับเมืองบัลติมอร์ นายกเทศมนตรีของเมืองได้ออกมายืนยันว่า ขณะนี้ เมืองมีเหตุการณ์ความรุนแรงจากอาวุธปืนลดลงในระดับตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับปีก่อน และปีนี้ มีรายงานคดีฆาตกรรมเพียง 84 คดี ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี

แม้จะเผชิญเสียงคัดค้าน แต่ทรัมป์อาจอ้างอำนาจตามประมวลกฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกา หมวดที่ 10 มาตรา 12406 ที่อนุญาตให้ประธานาธิบดีใช้กำลังทหารเพื่อต่อต้านการรุกราน ปราบปรามกบฏ หรือบังคับใช้กฎหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของชิคาโก ที่มีสถานะเป็นเมืองคุ้มครอง หรือ sanctuary city ที่มีนโยบายไม่ร่วมมือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง ซึ่งทรัมป์อาจใช้เป็นข้ออ้างว่านโยบายดังกล่าวขัดขวางการบังคับใช้กฎหมายของประธานาธิบดี

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยอ้างถึงอำนาจของกฎหมายดังกล่าวแล้ว ในตอนที่เขาส่งทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติไปยังแคลิฟอร์เนียเพื่อปราบปรามการประท้วง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ถูกคัดค้านจากนายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐฯ