ต่างประเทศ

สื่อต่างประเทศชี้ “ฮุน มาเนต” ล้มเหลวช่วง 2 ปีแรก บริหารประเทศอยู่ใต้เงา “พ่อฮุน เซน”

โดย JitrarutP

3 ชั่วโมงที่แล้ว

190 views

สื่อต่างประเทศรายงาน “ฮุน มาเนต” บริหารประเทศล้มเหลวตลอด 2 ปี ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา นักวิเคราะห์ชี้ยังทำไม่ได้ทั้งปราบปรามทุจริต-ฟื้นฟูหลักนิติธรรม-ลดความยากจน และยังอยู่ใต้เงาของ “พ่อฮุน เซน

เว็บไซต์ข่าว The Diplomat ของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่บนความเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ระบุว่า กัมพูชายังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ด้อยพัฒนาที่สุดในโลก โดยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 158 จาก 180 ในดัชนีการทุจริตโลกประจำปี 2567 และอันดับที่ 141 จาก 142 ในการจัดอันดับหลักนิติธรรมของ World Justice Project ประจำปี 2567 ซึ่งสภาวะเหล่านี้ได้บ่อนทำลายผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

นอกจากนี้ ยังเสริมว่าภายใต้การปกครองของฮุน มาเนต ตลอดกว่าสองปีที่ผ่านมา การกดขี่ทางการเมืองและการคุมขังยังเพิ่มสูงขึ้น โดยมีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายสิบคนถูกจำคุก รวมถึง นักสหภาพแรงงาน, นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม และนักปกป้องสิทธิที่ดิน

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชายังคงขับไล่ชุมชนต่างๆ และส่งมอบที่ดินของพวกเขาให้กับกลุ่มชนชั้นสูงที่ร่ำรวย ซึ่งในกระบวนการนี้ได้ทำลายพื้นที่ป่าไม้ของประเทศและคุกคามแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ

รายงานยังชี้ว่า การที่รัฐบาลลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพน้อยเกินไปเป็นเวลาหลายปี นำไปสู่การขาดแคลนงานสำหรับชาวกัมพูชานอกภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ และกัมพูชามีอัตราการย้ายถิ่นไปทำงานในต่างประเทศ สำหรับแรงงานทักษะต่ำและปานกลางสูงที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค แม้วกัมพูชาจะมีความปรารถนาที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง แต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคเพิ่มเติมจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงหลังเกิดความขัดแย้งชายแดน ซึ่งทั้งสองปัจจัยอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

ฮุน มาเนต ยังฉวยโอกาสจากความขัดแย้งดังกล่าว แก้ไขกฎหมายสัญชาติของกัมพูชา เพื่อให้รัฐบาลสามารถปิดปากผู้เห็นต่างได้ กฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้อนุญาตให้รัฐบาลสามารถเพิกถอนสัญชาติของชาวกัมพูชาได้หากถูกศาลที่ควบคุมโดยพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ตัดสินว่ามีความผิดฐานกบฏ หรือสมคบคิดกับต่างชาติ

อีกหนึ่งปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของฮุน มาเนตอย่างชัดเจน คือปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีทั้งการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน

The Diplomat ชี้ว่า เศรษฐกิจจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ในกัมพูชา คาดว่าสร้างรายได้ประมาณ 12,000 ถึง 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 380,000 – 600,000 ล้านบาท) ต่อปี ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ ขณะเดียวกัน ในกัมพูชายังมีศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์อีกอย่างน้อย 350 แห่ง และมีแรงงานต่างชาติประมาณ 150,000 คน แต่บางส่วนประเมินว่าตัวเลขอาจสูงกว่านี้

หลายประเทศในเอเชีย รวมถึงไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม และอินโดนีเซีย กำลังทำงานร่วมกันผ่านช่องทางอาเซียนเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์นี้ แต่กัมพูชาและเมียนมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลับไม่ได้เข้าร่วมด้วย

The Diplomat ยังได้สะท้อนถึงอดีตอันน่าเศร้าของกัมพูชาภายใต้ระบอบเขมรแดง แต่ระบุว่า ขณะนี้ประเทศได้ตกอยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยมรูปแบบใหม่ที่กดขี่สิทธิของพลเมือง ทำให้ประชาธิปไตยเป็นเพียงแค่สิ่งที่ปรารถนาเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ทาง The Cambodia Daily รายงานว่า นักวิเคราะห์และนักการเมืองฝ่ายค้านได้กล่าวว่า หลังจากที่ดำรงตำแหน่งมากว่า 2 ปี การเป็นผู้นำของฮุน มาเนต ยังคงดำเนินไปภายใต้เงาของบิดา ทำให้เขาดูเหมือน "นายกรัฐมนตรีฝึกหัด" มากกว่าผู้นำที่เป็นอิสระ

นายเซิง เซนการุณา (Soeng Senkaruna) หัวหน้าองค์กรประชาธิปไตยเขมร (Khmer Democracy Organization) กล่าวว่า การดำรงตำแหน่งสองปีของฮุน มาเนต แสดงให้เห็นว่าเขาบริหารประเทศภายใต้การชี้นำของฮุน เซน เป็นส่วนใหญ่ มากกว่าที่จะใช้ความสามารถหรือวิสัยทัศน์ของตนเอง

เขาให้เหตุผลว่า แม้จะดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลมานานกว่าสองปี ฮุน มาเนต ก็ยังไม่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำพากัมพูชาได้อย่างอิสระ เนื่องจากบิดาของเขายังคงกุมอำนาจควบคุมที่เด็ดขาด

คุณอาจสนใจ

Related News