อาชญากรรม

‘ชูวิทย์’ แฉจีนเทาภาค 2 KTV ปาร์ตี้ยา จ่ายส่วยเคลียร์ผ่าน 'รอง ผกก. ห'

โดย attayuth_b

2 มิ.ย. 2566

184 views

วันนี้ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มาแถลงข่าว พร้อมกับถือโคมจีนแดงมาด้วย ก่อนบอกว่าบ้านเรามีแต่จีนเทา ไม่ใช่อเมริกาเทา ก่อนอธิบายว่า ไดมอนด์ หรือ อาบอบนวดเมรี อันนี้คือจีนแถวภาคสอง โดยภาคแรก คือ จินหลิง โดยคุณชูวิทย์เปรียบเทียบให้เห็นว่า จินหลิง กับ ไดมอนด์ หรือ อาบอบนวดเมรี มีความเหมือนกัน คือ มี KTV

ซึ่งรูปแบบ KTV หรือ คาราโอเกะ ทีวี เป็นธุรกิจบันเทิง ที่เปิดห้อง ร้องเพลงคาราโอเกะ โดยมีหญิงมานั่งชงเหล้า รวมถึงมียาเสพติด เช่น ยาเค ไอซ์ Happy water เปิดไฟวิบวับ ไม่เหมือนคาราโอเกะทั่วไป ต้องใช้ไฟ ที่ทำให้คนเสพยา ต้องเคลิบเคลิ้ม รวมถึงมีบ่อนการพนัน ซึ่งธุรกิจนี้ มาแทนที่อาบอบนวด เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ตำรวจไม่ได้มีบทเรียน หรือ ไม่ได้ป้องกันอะไรเลยหรือ

ส่วนของผับไดมอนด์ มี “อาจ๋าย” เป็นเจ้าของทุนของไดมอนด์ ซึ่งมีหมายแดงของจีน แต่เข้าไทยมาได้เพราะใช้ visa on arrival เข้ามา โดยเงินที่ลงทุนที่ไดมอนด์ ลงทุน 40-50 ล้านหยวน หรือ 200-300 ล้านบาท ซึ่งไม่เยอะเท่ากับบุคคลที่ชื่อชายน้อย ซึ่งมีข้อมูลว่า อาจ๋าย เปิดไดมอนด์ที่เดียว

อาจ๋าย อายุประมาณ 50 ปี ผิวดำแดง เป็นคนจีน แต่พูดไทยได้ และให้บังมัด เป็นหน้าเสื่อเคลียร์ส่วย ติดต่อเคลียร์ในท้องที่กับรองผู้กำกับ ชื่อเล่นอักษรย่อ “ห”

ส่วน “ชายเล็ก” สำคัญกว่า ตำรวจแถวมักกะสันรู้จักดี เป็นคนชักชวนให้อาจ๋ายเข้ามาทำที่สถานบริการที่เมรี และตั้งชื่อ KTV ว่าไดมอนด์

พฤติกรรมของชายเล็ก นำเด็กสาว มาจากที่ราบสูง เมียนมาร์ เอาเงินสดให้พ่อแม่เด็กสาว 30,000 บาท พาเด็กสาวมาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่รวมกัน ก่อนจะนำเด็กขึ้นรถตู้ ไปทำงาน ตามแหล่งธุรกิจ KTV ซึ่งรายได้ที่หญิงสาวได้มา จ่ายหนี้ และ ค่าใช่จ่าย ที่พักอาหาร ฯลฯ ก่อนคืนให้ชายเล็ก

ทั้งนี้ ผับต่างๆ เหล่านี้ ต้องมีส่วยจ่าย เพราะสังเกตได้ชัดว่า เปิดติดถนนใหญ่ อย่างถนนเพชรบุรี เพราะฉะนั้น ปัญหาเราคือ ปัญหาส่วย เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ และปัญหาต่อมา คือ ตม. ปล่อยให้กลุ่มจีนเทาเข้ามาได้อย่างไร ซึ่งคนจีนกลัวไทยอย่างเดียว ก็คือจีนอุ้มจีน

ส่วนไดมอนด์ มีการขัดแย้งกันในหน่วย มีการแฉกันขึ้นมา ทำให้เกิดการเคลียร์กันไม่ลงตัว หลังจากที่ ผบ.ตร. ได้รับแจ้งข้อมูลมา และสั่งการให้ บช.น.ไปตรวจสอบ จึงเป็นที่มาของเข้าจับของ ดส.เมื่อคืนนี้ เนื่องจาก ดส.เปรียบเสมือนพ่อบ้านของ บช.น ในการตรวจสอบ ซึ่งเหล่าทุนจีนเหล่านี้รู้ดีว่าต้องเคลียร์กับใคร

นอกจากนี้ คุณชูวิทย์ ยังแฉอีกด้วยว่า มีสถานบันเทิงที่มีลักษณะเป็นคาราโอเกะ KTV ภายในห้องมีอ่างคล้ายไดมอนด์ และยังเปิดภาพการเตรียมความพร้อม มีรถบรรทุกขนย้ายข้าวของ ที่กำลังจะเปิดภายในสัปดาห์นี้ แต่ความจริงแล้วจะเปิดตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ว่าเคลียร์เรื่องส่วยยังไม่ลงตัว จึงยังไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สุทธิสาร จึงต้องเลื่อนกำหนดเปิดออกไป เพราะหากไม่จ่ายส่วย จะไม่สามารถเปิดได้

คุณชูวิทย์ ยังเขียนชื่อสถานที่ดังกล่าว ที่กำลังจะเปิดบนกระดานว่าคือ “ลาลิซ่า” ซึ่งชื่อร้านตรงกับร้านที่ ตำรวจ สน.สุทธิสาร เคยจับอาบอบนวดย่านรัชดาฯ 17 ข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่รับอนุญาตมาแล้ว เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดยระหว่างแถลง ก็มีสายโทรศัพท์จากนายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล โทรเข้ามา และพูดคุยกับคุณชูวิทย์ คุณชูวิทย์ เลยบอกว่า ข้อมูลที่มี ไม่สามารถเก็บไว้เอง หรือทำเองได้หมด จึงต้องอาศัยคนที่มีอำนาจ มีพาวเวอร์อยู่ในมือถ้าเอาไปให้ตำรวจก็เหมือนกับว่า เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน ตนจึงต้องหาคนที่มีไฟมาทำ มาจัดการ

ก่อนหน้าได้ถามนายรังสิมันต์ แล้วว่าจะให้ตนเอาข้อมูลให้ใคร “วิโรจน์ หรือ โรม” จึงได้ข้อสรุปว่าเรื่องจีนเทา ให้นายรังสิมันต์ เป็นคนจัดการ ซี่งตนก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล

นอกจากนี้ ยังเปิดภาพ 4 ขบวนการจีนเทา คอยเจรจาไกล่เกลี่ยให้ โดยมีหัวหน้าแก๊ง เลขา และนกต่อ 2 คน โดยบอกว่าไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุน แต่ศูนย์กลางหลักอยู่ที่กัมพูชา และก็กระจายการลงทุนไปในประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้ใช้พาสปอร์ตจีน แต่ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา วานูอาตู และนาอูลู ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทุนจีน ไม่สามารถลงทุนที่จีนได้ เพราะกฎหมายแรง ต่างกันไทย ที่จ่ายส่วย เคลียร์ได้ก็จบ


รับชมทางยูทูบที่ :https://youtu.be/7C74AByu5sQ


คุณอาจสนใจ

Related News