อาชญากรรม

มือยิงครูเจี๊ยบ สำนึกผิด ขอทำบุญให้ รับก่อเหตุเพราะศักดิ์ศรีสถาบัน ‘บิ๊กต่อ’ ชี้เป็นเด็กหัวอ่อน ถูกชักจูงง่าย

โดย nattachat_c

21 ธ.ค. 2566

45 views

วานนี้ (20 ธ.ค. 66) ตำรวจสืบสวนนครบาลคุมตัว นายอนาวิน แก้วเก็บ หรือวิน มือยิงครูเจี๊ยบ และน้องหยอด และ นายกฤติ ล้ำเลิศ หรือทิว ที่ถูกจับกุมตัวได้บริเวณลานกางเต็นท์ดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ มาถึงกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด


โดย พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะเดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนด้วยตนเอง โดยมีรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใด ๆ และอยู่ในสภาพอิดโรย


และยังมีรายงานอีกว่า ชุดสืบสวนสามารถแกะรอยจนพบรถกระบะไททัน คันที่ นายนภวุฒิ เรืองศรี หนึ่งในผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ขับรถไปรับนายวิน และนายเลาะ ที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อพาหลบหนี


ก่อนที่ นายนภวุฒิ จะให้ นางสาวอัญญารัตน์ แฟนสาว ไปรับกลับมากรุงเทพฯด้วยรถเก๋งแอคคอร์ด ส่วนรถกระบะไททันหายไปพร้อมกับผู้ต้องหา 2 คน


ตำรวจได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไททัน 4 ประตู สีน้ำตาล พร้อมด้วย นายเอกชัย ซึ่งผู้ครอบครองรถยนต์ มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 19 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มาทำการตรวจสอบ เพื่อเก็บวัตถุพยานเป็นของกลางทางคดี รวมถึงได้ทำบันทึกตรวจยึดรถ นำส่งพนักงานสอบสวน


มีรายงานว่า จากการสอบปากคำ นายเอกชัย เจ้าของรถไททัน อ้างว่า นางสาวอัญญารัตน์ ซึ่งเป็นน้องสาว ได้มายืมรถของตนเองไปใช้ พอใช้เสร็จแล้วก็กลับมาคืน แต่ไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไร


จนกระทั่งทราบข่าวว่า รถของตนเองเกี่ยวข้องกับคดี จึงได้ขับรถนำมามอบให้ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เมื่อคืนวันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และมอบให้ตำรวจตรวจสอบ

-------------

ช่วงบ่าย พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาประชุมความคืบหน้าคดี โดยระหว่างการประชุม ตำรวจสืบสวนนครบาลได้คุมตัว นายวิน และ นายทิว ผู้ต้องหา ออกจากห้องสอบปากคำ เพื่อนำตัวไปให้ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สอบปากคำด้วยตนเอง


หลังสอบปากคำไม่ถึง 10 นาที พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ระบุว่า จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน นายวินให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิง และขอทำบุญให้ครูเจี๊ยบ โดยต้องการถวายสังฆทานให้ เพราะเขาสำนึกผิด


ส่วนเรื่องจูงใจในการก่อเหตุนั้น เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของสถาบัน ที่มีการปลูกฝังสร้างโลกเสมือนจริง ให้รู้สึกความคับแค้นใจ และเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ผิด ๆ ให้มีการรับน้อง และมีการฝึก


โดย นายวินเพิ่งจะผ่านการฝึกจากรุ่นพี่ และกำลังจะขึ้นระดับ 2 โดยมีการวางแผนกันมาก่อน และมอบหมาย นายวิน ที่จะเลื่อนขั้น ไปรับน้องด้วยการยิงคู่อริ ซึ่งมีนายเลาะ ที่เป็นรุ่นพี่ เป็นคนพาไป และสั่งการให้ยิง


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ถือเป็นธรรมเนียมการรับน้องเพื่อเลื่อนระดับที่ผิด ๆ และจากการตรวจสอบ พบว่า นายวินยังไม่มีการปั๊มรอยรูปฟันเฟืองที่ตัว เพราะเพิ่งลงมือเป็นครั้งแรก


ผบ.ตร. ยังระบุอีกว่า จากการสอบปากคำ นายวิน เป็นเด็กหัวอ่อน มีปัญหาครอบครัว จึงถูกชักจูงได้ง่าย


ทั้งนี้ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ยังได้บอกกับผู้ต้องหาว่า เรื่องนี้ทำตามพยานหลักฐาน ไม่ได้หว่านแห ตำรวจมีพยานหลักฐาน จึงดำเนินการออกหมายจับ เพราะนี่คือองค์กรอาชญากรรม มีแผนประทุษกรรม ทั้งการช่วยเหลือคดีความ จัดหารถ และจัดหาปืน อย่างชัดเจน ตนเองจึงได้สั่งการให้เป็น 'โมเดลของการป้องกันเหตุ' ที่จะเกิดกับสถาบันอื่นอีก ในอนาคต


ในขณะที่ คดีนี้มีการดำเนินการออกหมายจับไปแล้วทั้งหมด 26 ราย สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 24 คน ยังคงหลบหนีอีก 2 ราย


ทั้งนี้ การดำเนินการไม่ใช่เฉพาะสถาบันนี้เท่านั้น ตนเองยังได้สั่งการให้ไปดูคดีเก่าของคู่กรณีด้วย เพื่อเป็นการทำลายจอมปลวก ไม่ใช่แค่ตัวปลวก ที่มาก่อความเดือดร้อนรำคาญเท่านั้น


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุถึงผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่ยังคงหลบหนี ว่า ในฐานะตำรวจ อยากจะให้ผู้ต้องหามอบตัว เพราะหากตัดสินใจหลบหนี ต้องหลบหนีไปทั้งชีวิต และในที่สุดก็ต้องถูกติดตามจับคุมตัว เพื่อมาดำเนินคดีอยู่ดี


ส่วนกรณี แม่ของผู้เสียชีวิต ถูกข่มขู่จากฝั่งเพื่อนของกลุ่มผู้ต้องหานั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของศาล ขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาล ที่จะเป็นคนดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ละเมิดอำนาจศาล พร้อมกับสั่งการให้ตำรวจไปป้องกันเหตุ


ส่วนที่มีการโพสต์รูปข่มขู่นั้น ตำรวจจะมีการกระจายกำลังตระเวนไปในแต่ละพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้น และอยากให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ เพราะมีตำรวจกระจายกำลังอยู่


ส่วนมาตรการการแก้ไขในระยะยาวนั้น นอกจากจะให้เจ้าหน้าที่สายตรวจคอยสอดส่องดูแลในพื้นที่เสี่ยงแล้ว ยืนยันว่า จะต้องขอความร่วมมือจากสถาบันอาชีวศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงศึกษาธิการ ให้เข้ามาช่วยเหลือ บังคับใช้ระเบียบ และมาตรการ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ และอาจต้องพิจารณาย้ายสถาบันคู่ขัดแย้งไม่ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อลดการเผชิญหน้า และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

-------------

หลังจาก ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์เสร็จ นางพรพิมล (แม่ของน้องหยอด) ได้ถือรูปของน้องหยอด เข้ามาไหว้ขอบคุณ ผบ.ตร.และตำรวจชุดทำคดี ทั้งน้ำตา เนื่องจากช่วยจับคนยิงลูกชายตนเอง และทวงคืนความยุติธรรมได้ พร้อมระบุว่า


ตนเองไม่คิดว่า ตัวลูกชายจะได้รับความยุติธรรม ตนเองอยากขอขอบคุณตำรวจชุดคลี่คลายคดีทุกคน ตนเองไม่มีอะไรจะมอบเพื่อเป็นการตอบแทน แต่วันนี้ ตนเองอยากพาน้องมาขอขอบคุณ เชื่อว่าลูกชายตนเองคงดีใจในที่สุด ที่ได้รับความยุติธรรมในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีวันนี้


ด้าน ผบ.ตร.กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจด้วย และตำรวจยืนยันว่า จะทำต่อไป ยังไม่จบเท่านี้แน่นอน


นางพรพิมล ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า

การเดินทางมาในวันนี้ ตนเองต้องการเดินทางมาพบกับตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ ในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ เพื่อต้องการขอขอบคุณคณะทำงาน รวมถึง ต้องการจะมาดูหน้ามือปืนรายนี้ด้วย ซึ่งตนเองก็ทำใจเอาไว้แล้วว่า คงได้แค่ดู เพราะทุกอย่างต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม


นางพรพิมล ยังบอกอีกว่า หลังจากวันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ที่ตนเองเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวของกลุ่มผู้ต้องหา ที่มีการฝากขังไปก่อนหน้านี้  ตนได้พบเห็นกับกลุ่มบุคคล ที่พยายามเข้ามาก่อกวนจิตใจ ทำให้ตนเองมีความจิตตก ซึ่งทั้งหมดน่าจะถูกบันทึกด้วยกล้องวงจรปิดของศาลไว้เป็นที่เรียบร้อย


รวมถึงในวันนี้ ที่ตนเองจะเดินทางมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ก็มีคนส่งรูปมาก่อกวน คล้ายว่ามีการมาดักรอไว้ แต่ก็มีการยกเลิกการส่งรูปออกไป ตนเองจึงได้ประสานมาขอให้ทางสื่อมวลชน ช่วยเดินข้ามไปรับยังจุดจอดรถอีกแห่งหนึ่ง


จากทั้งหมดที่ตนเองต้องเจออยู่ ณ ตอนนี้ ตั้งแต่ลูกชายถูกยิงเสียชีวิต ยอมรับว่าปัจจุบันเกินความรู้สึกหวาดกลัวไปมากแล้ว ตนเองทำได้เพียงแค่เดินหน้าในการเอาผิดกลุ่มบุคคลนี้ให้ถึงที่สุด


ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ ตนเองมั่นใจว่า คณะทำงานสืบสวนสอบสวนที่ทำคดีนี้ จะต้องได้ตัวผู้ก่อเหตุ หรือร่วมก่อเหตุทั้งหมด มาดำเนินคดี


ตนเองอยากเห็นหน้าของคนที่สั่งการ ให้มือยิงสังหารลูกชายตนเองว่า จะมีความโหดเหี้ยมแค่ไหน ตนเองอยากมองไปที่สายตาว่า จะมีแววตาอย่างไร


และในวันนี้ หากมีโอกาสได้พูดคุยกับมือปืน ก็อยากสอบถามว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมดได้อะไรกับสิ่งที่ทำไป มีใครมายกย่องนับถือหรือไม่ ได้โล่หรือไม่ เพราะสุดท้ายเมื่อก่อเหตุแล้ว ก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหา ต้องหลบหนี และสุดท้าย ก็ถูกตามจับกุมมาดำเนินคดีอยู่ดี แม้ลึก ๆ ตนเองจะรู้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ พูดไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นต้องให้กระบวนการที่ทำเป็นคนดำเนินการ


ส่วนเรื่องการประกันตัวของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ยอมรับว่าตนเองก็มีความกังวลว่า อาจจะมีการขอประกันตัวในครั้งต่อไป ซึ่งตนเองเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในการตัดสินเรื่องของการประกันตัว น่าจะเข้าใจ และมองเห็น เพราะตนเองเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา หากมีการประกันตัวมา ยอมรับว่าก็เกิดความหวาดกลัว


ก่อนที่ตนเองเดินทางมาในวันนี้ ยอมรับว่าได้มีการจุดธูปบอกกล่าวลูกชายว่า วันนี้จะเดินทางมาดูคนที่ก่อเหตุยิงลูกชาย พร้อมขอให้ลูกชายช่วยเป็นแรงบันดาลให้ตำรวจทำงานในคดีนี้ ติดตามจับกลุ่มผู้กระทำความผิดที่หลบหนีอยู่ให้ได้ เพื่อให้ตัวลูกชายพ้ห่วง และไปสู่ภพภูมิที่ดี


ต่อจากนี้ ตนเองก็คงใช้ชีวิตตามปกติ แม้ว่าจะถูกก่อกวนจากฝั่งตรงข้ามก็ตาม เพราะว่าฝั่งตนเองไม่ใช่ผู้ที่เริ่มกับการก่อเหตุในครั้งนี้


อยากขอฝากถึงคู่กรณีว่า ให้ต่างคนต่างอยู่ เพราะตนเองไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อน เป็นเพียงแม่ของผู้สูญเสีย ที่เมื่อถูกกระทำแล้ว ก็ต้องเดินหน้าตามขั้นตอนถึงที่สุดเท่านั้น

------------
ด้าน แม่ของน้องเฟิร์ส ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ถูกกลุ่มนักเรียนช่างกลสถาบันแห่งหนึ่ง บุกยิงภายในงานแต่งงาน ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อปี 2565 ก็ได้มาพบตำรวจที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ด้วย


เพื่อขอให้ตำรวจช่วยทำสำนวนให้รัดกุม เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมากว่า 1 ปี จึงไม่แน่ใจว่า มีการติดขัด หรือล่าช้าตรงไหน เพราะพนักงานอัยการเพิ่งสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมานี้เอง


พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ได้ไปยื่นเรื่องคัดค้านประกันตัวผู้ต้องหา 12 คน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีกลุ่มบุคคล ซึ่งไม่แน่ใจว่า เป็นเพื่อนร่วมสถาบัน หรือเป็นญาติของผู้ต้องหา ได้เดินเข้ามาพูดจาหาเรื่อง เพราะไม่พอใจที่ไปยื่นเรื่องคัดค้านประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลก็มาห้ามปรามให้แยกย้ายกันไป ทำให้เกิดความกังวล เพราะว่าขนาดอยู่ในพื้นที่ศาล  แต่ก็ยังกล้าที่จะมีพฤติกรรมข่มขู่ผู้อื่นเช่นนี้


นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการโพสต์ในโซเชียลข่มขู่ต่าง ๆ นานา ดูเหมือนว่ายังไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ หากยังมีการข่มขู่อีก ก็จะต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายต่อไป


ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึง ณ ขณะนี้ ยังไม่มีผู้ต้องหา หรือญาติผู้ต้องหา มาขอโทษกับตนเองเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งการล้างแค้นระหว่างสถาบันนั้น ตนเองก็มีคำถามว่า ทำไมถึงมีความเจ็บแค้นอะไรกันขนาดนั้น ทำไมไม่ใช้กระบวนการยุติธรรมในการเอาผิดผู้กระทำความผิด แต่กลับใช้ศาลเตี้ยแทน

-------------
วานนี้ (20 ธ.ค. 66) เวลา 15.00 น. ตำรวจได้จัดเตรียมช่อดอกไม้ พร้อมกับชุดสังฆทาน และได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป มาประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ตามที่ นายวิน ประสงค์


เมื่อมาถึง พระสงฆ์ได้นั่งบนเก้าอี้ ส่วน นายวิน นั่งพับเพียบลงกับพื้น พร้อมกับกรวดน้ำให้แก่ผู้เสียชีวิต พร้อมกับถวายสังฆทาน ก่อนจะก้มกราบพระสงฆ์ 3 ครั้ง โดยใช้เวลาประกอบพิธีประมาณ 5 นาที พระสงฆ์จึงเดินทางกลับ


โดยพระสงฆ์ เปิดเผยสั้น ๆ ว่า ระหว่างทำบุญ ผู้ต้องหามีสีหน้าที่สำนึกผิด และพูดสำนึกผิด แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า พูดอะไรบ้าง โดยเป็นความตั้งใจทำบุญไปให้ผู้ล่วงลับ หลังทำพิธีเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายวิน ออกมา เพื่อนำตัวไปคุมขัง และสอบสวนที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ


ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม นายวิน ว่า สบายใจขึ้นหรือไม่หลังทำบุญ

นายวิน ตอบว่า สบายใจขึ้น และอยากขอโทษสังคม ตนไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเหตุแบบนี้ ที่ต้องยิงไปที่น้องหยอดเพราะเป็นคู่อริกันมา ที่ทำไปเพราะมีเหตุมาก่อนแล้ว พร้อมยอมรับว่า สงสารครูเจี๊ยบ อยากขอโทษแม่ครูเจี๊ยบ ครอบครัว และหลานเขาด้วย ขอโทษจริง ๆ


เมื่อถามอีกว่า ทำไปเพื่ออัพระดับ หรือเลเวล หรือไม่

นายวิน ตอบว่า ไม่ได้ทำเพื่ออัพเลเวล ไม่มีแบบนั้น และส่วนตัวไม่เคยรู้จักหยอดมาก่อน


เมื่อถามว่า ทำไปเพราะเป็นคู่อริต่างสถาบัน หรือไม่

นายวิน บอก ให้ไปดูข่าวเอง ส่วนวันที่ ไม่เห็นครูเจี๊ยบ ตั้งใจยิงไปที่หยอด และไม่ได้ตามหาเหยื่อมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2566


จากนั้น ตำรวจได้คุมตัวลงลิฟท์มาเพื่อขึ้นรถ ก่อนที่นายวินจะพูดเพิ่มเติมว่า 

สาเหตุที่ทำเพราะแก้แค้นให้เพื่อน ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่บางกอกน้อยจริง ส่วนเมื่อไรให้ไปตามข่าวกันเอง


"พี่ทำข่าวมา ก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนผมโดนทำอะไรมาก่อน"


นายวินยังบอกอีกว่า อยากขอโทษครูเจี๊ยบ และไม่มีใครสั่งให้ยิงซ้ำ ส่วนการทำบุญวันนี้ ทำบุญให้หยอดด้วย และอยากขอโทษครอบครัวน้องหยอด


เมื่อถามว่า มีการทำงานรูปแบบองค์กรจริงหรือไม่ ปลูกฝังจากรุ่นพี่ เคยไปฝึกรับน้องจริงไหม

นายวิน ตอบว่า ‘ไม่จริง’ และไม่มีการรับน้อง


เมื่อถามว่า วันนี้สำนึกผิดหรือยัง หลังจากนี้ จะเชื่อรุ่นพี่อีกไหม

นายวิน ตอบว่า สำนึกแล้ว และไม่เกี่ยวกับการเชื่อรุ่นพี่ และยืนยันจะเลิกทำแบบนี้แล้ว


ขณะที่ตัวนายทิว ตลอดการเดินลงมาสู่ชั้นล่างของอาคารกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ไม่มีการตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน


ซึ่งสื่อมวลชนพยายามสอบถามว่า ตัวนายทิวเข้าไปมีส่วนร่วมกับปฏิบัติการในครั้งนี้ ในด้านใด หรือทำหน้าที่ใดกับกลุ่มองค์กรนี้


โดยผู้สื่อข่าวยังสังเกตุเห็นสีหน้าและท่าทางของตัวนายทิว ไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด จากนั้นตำรวจก็คุมตัวขึ้นรถตู้ เพื่อไป สน.ทุ่งมหาเมฆ

--------------

โดย พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ แจ้งว่า กรณีฝากขังนายอนาวิน อาจจะต้องเป็นวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค. 2566 นี้


เนื่องจากขณะนี้ พนักงานสอบสวนยังสอบปากคำไม่เสร็จ และในวันนี้ (21 ธ.ค. 66) จะต้องนำตัวผู้ต้องหา ชี้จุดต่าง ๆ เพื่อรวบรวมหลักฐานลงสำนวน ก่อนส่งฝากขังศาลต่อไป

--------------











คุณอาจสนใจ

Related News