ข่าวโซเชียล

"กัญจนา" แจงระบบเลี้ยงช้างเหมาะสม ไม่ใช่แค่เรื่องโซ่ แต่ต้องมีควาญเข้าถึงยามเหตุฉุกเฉิน

โดย nutda_t

4 ชั่วโมงที่แล้ว

1.2K views

จากเหตุการณ์น้ำท่วมปางช้างแม่แตง จ.เชียงใหม่ ทำให้ Elephant Nature Park มูลนิธิศูนย์อนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม บ้านกื๊ดช้าง ได้รับผลกระทบ ร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในการขนย้ายช้างและสัตว์หลายชนิด หนีน้ำท่วม ซึ่งมีช้างหลายเชือกลอยไปกับกระแสน้ำและล้มตาย

ขณะที่โลกโซเชียลมีการแสดงความคิดเห็น พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดปางช้างแห่งนี้ถึงขนย้ายสัตว์ไม่ทัน ในขณะที่ปางช้างอื่นๆ ในพื้นที่เดียวกัน ถึงย้ายช้างขึ้นบนภูเขาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งก่อนจะเกิดน้ำท่วม ทางการได้มีการประกาศแจ้งเตือนอยู่แล้ว อีกทั้งวิะการเลี้ยงช้างที่ปล่อยให้อยู่อย่างอิสระ ไม่ได้รับการฝึกควบคุมโดควาญช้าง ทำให้เมื่อเกิดเหตุ กาารช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก



ล่าสุด น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

"ทุกคนที่เขาเข้าไปช่วย ..เขาทำเต็มกำลัง ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวของปางเอกชนด้วยซํ้า เพราะสงสารสัตว์..

ทางคุณหมอคชบาล มช. ไปเต็มทีม ซึ่งดิฉันแทบไม่เคยเห็นการรวมพลังเต็มที่แบบนี้ ..

ทหาร กู้ภัยมาจากทุกสารทิศ..

ควาญเก่งๆของปางอื่นเข้าไปช่วยเต็มที่ ..

ทุกคนวางความคิดส่วนตัว มุ่งช่วยสัตว์…

ถ้าไม่มีคนนอกเหล่านี้เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย ช้างจะล้มมากกว่านี้..

แต่เมื่อฟังการให้สัมภาษณ์หลายสื่อเมื่อวานนี้…ยอมรับว่า..อึ้ง…

ที่ทุกฝ่ายพยายามพูดให้เข้าใจคือระบบการเลี้ยงที่เหมาะสม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องโซ่ค่ะ…

ระบบที่ต้องมีควาญเข้าถึงได้ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ..

แม้เรื่องมากมายที่ดิฉันอยากพูด แต่ก็คงจบแล้ว…

ขอให้สัตว์ที่ต้องเสียชีวิตครั้งนี้สู่ภพภูมิที่ดีนะคะ…

และดิฉันขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้าไปช่วยเหลือสัตว์ค่ะ เหนื่อยกันมาก…

เขาไม่ขอบคุณ..แต่ดิฉันขอบคุณ.."



นอกจากนี้ หมอมามี สพ.ญ.นฤพร กิตติศิริกุล สัตวแพทย์หมอช้าง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า"เกริ่นก่อนว่า ปางช้างในส่วนแม่แตงมีกว่า 20 ปาง ที่อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน พื้นที่เดียวกัน และได้รับผลกระทบกันทั้งหมด มีตั้งแต่ปางที่มีช้างหลัก 2-3 เชือกไปจนถึง 100 เชือก คละกันไป แต่ปางที่ได้รับความสนใจทั้งการช่วยเหลือด้านการเงินอย่างมากล้น และความช่วยเหลือจากสื่อหลักกลับเป็นแค่ปางเดียว

มีการแจ้งเตือนเรื่องน้ำล่วงหน้าแล้ว ทำให้แต่ละปางมีการเตรียมการตั้งรับ ย้ายช้างขึ้นที่สูง ทำให้ไม่เกิดอันตราย ซึ่งข้อนี้ต้องยกให้พี่ควาญช้างและเจ้าของ ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับช้าง ฝึกให้ช้างเข้าใจการจับบังคับ (เปรียบเทียบคล้ายกับฝึกให้น้องหมาเข้าใจการใช้สายจูง คำสั่งลุกนั่งนอน) สามารถขี่-จูงช้างไปได้อย่างปลอดภัยทั้งคนทั้งช้าง + เมื่อสามารถสื่อสารได้เข้าใจก็สามารถพาไปไหนก็ได้อย่างอิสระ ร่วมกับการใช้โซ่ลามไว้ในบริเวณที่ปลอดภัย ซึ่งสามารถปรับความยาวสั้นของโซ่ได้ ไม่ต้องพึ่งกรงหรือคอก

เมื่อเกิดวิกฤตชาวช้าง ทุกคนช่วยเหลือกันดีมาก ๆ ทั้งพี่ควาญช้าง พี่เจ้าของช้าง หมอช้าง รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอยากจะช่วยช้างทุกเชือกให้ออกมาอย่างปลอดภัย แต่ต้องบอกว่าการเข้าช่วยเหลือช้างแต่ละตัวที่ประสบภัยอยู่มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทั้งต่อคนที่เข้าไปช่วย และช้างที่รอความช่วยเหลือ ยกตัวอย่างข้อจำกัด

ช้างที่เติบโตมากับแนวคิดที่ว่า ห้ามใช้อุปกรณ์อะไรจับ แตะ สัมผัส ออกคำสั่ง ทำให้เมื่อเห็นเชือก ขอ โซ่ ก็ตั้งป้อมใส่คนที่เข้ามาแล้วว่าจะอันตราย ก็ตั้งท่าเตรียมสู้กลับ (ซึ่งถ้าช้างเอาจริงก็คือเจ็บหนักกันแน่ ๆ)

ควาญช้างที่ได้รับมอบหมายให้จัดหญ้า และทำความสะอาดคอกช้าง โดยไม่สามารถขี่ฝึกฝนให้ช้างเคยชินกับน้ำเสียง และคำสั่งพื้นฐานได้เลย ไม่สามารถควบคุมให้ช้างเดินตาม หรือพาไปผูกมัดยังที่ปลอดภัยได้

แต่ถึงอย่างนั้นพี่ ๆ ควาญช้างที่มีความชำนาญในการควบคุมช้าง ก็ระดมคนกันเข้าไปช่วยช้างเหล่านั้นที่ติดอยู่ในคอก (เพราะเกินกำลังที่คนในปางเองจะสามารถช่วยกันพาออกมาได้ ด้วยข้อจำกัดข้างต้น…) และการเข้าหาช้างในจุดที่น้ำท่วมสูง หากเกิดอันตรายตัวคนที่ช่วยเองถ้าหลบไม่ทันก็มีโอกาสบาดเจ็บหนักจากช้าง ยังไม่รวมกับการต้องฝ่าน้ำที่สูงและเชี่ยวเข้าไป



แม้ว่าปัญหาอุทกภัยจะไม่ได้มีต้นเหตุมาจากวิถีการเลี้ยงช้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิถีการเลี้ยงช้างดั้งเดิมของคนไทยทำให้เกิด bonding ระหว่างคนและช้าง จนสามารถอพยพช้างส่วนใหญ่ให้พ้นภัยได้เกือบทั้งหมด แต่กลับกันการเลี้ยงช้างอีกวิถีทำให้เกิดข้อจำกัดมากมายขึ้น

ซึ่งถ้าวิถีการเลี้ยงช้างไม่สุดโต่งมากขนาดนี้ คนที่มีแนวคิดนี้ ไม่ไปว่าการเลี้ยงช้างดั้งเดิมจนเสีย ๆ หาย ๆ ลามไปถึงต่างประเทศแอนตี้การเลี้ยงช้างดั้งเดิม จนเลือกแบนและไม่เที่ยว มันก็น่าจะเป็นภาพที่ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้อย่างดี

การออกมาพูดในเรื่องนี้ อยากให้ทุกคนที่เสพข่าวได้มองหลาย ๆ ด้าน ถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น หรือให้เกิดการพูดคุยกันก็ดีกว่ารอจนทุกอย่างคลี่คลายแล้วทุกคนก็แยกย้าย…จบ

ทุก ๆ คนก็รักช้างกันทั้งนั้น ถ้าเราช่วยกันตั้งแต่ยามสงบสุขก็อาจจะไม่มาถึงยามทุกข์แบบนี้ก็ได้

ส่งกำลังใจต่อเนื่องให้ทีมหน้างานทุกท่านนะคะ"

คุณอาจสนใจ

Related News