สังคม

‘ทนายกุ้ง’ แจ้งความ ‘ว.วชิรเมธี’ ปมเชียร์ ‘ดิไอคอน’ – ‘ทนายนิด้า’ ร่ายยาวแจงเหตุชี้ ‘พระ ว.’เทศน์ ไม่เข้าข่ายผิดกม.

โดย petchpawee_k

19 ต.ค. 2567

233 views

 'ทนายกุ้ง' เข้าแจ้งความดำเนินคดี พระว.วชิรเมธี หลังพบเทศน์เชิญชวนประชาชนร่วมลงทุน ดิไอคอน ฐานสนับสนุนฉ้อโกง 


เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) นางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทีมงานทนายคลายทุกข์ หอบภาพหลักฐานคลิปเสียงและข้อความเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ พระว.วชิรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงราย ในฐานความผิดในข้อหา สนับสนุนฉ้อโกงประชาชนฯ ที่กองบังคับการปราบปราม


น.ส.อำนวยพร เผยว่า จากการที่ พระว.วชิรเมธี มีการเทศนาในเชิงชักชวนให้มีร่วมลงทุนขายตรงกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยมีประชาชนดูไลฟ์สดนับพันคน พระว.วชิรเมธี ได้เทศนาในเชิงชักชวนประชาชนลงทุน และพูดให้รีบตัดสินใจถ้าอยากเป็นเศรษฐีเพียงวันเดียวต้อง ดิไอคอน เท่านั้น และคลิปเสียงที่เทศน์ระบุว่า ถ้าใครไม่มาอบรมสัมมนาเป็นพวกดักดาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนหลงเชื่อและคลอยตาม หลวมตัวร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนมากทำให้มีความเสียหายมูลค่าเกือบพันล้านบาท วันนี้จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ว่าเข้าข่ายสนับสนุนการฉ้อโกงหรือไม่


ส่วนการที่พระว.วชิรเมธี อ้างว่า ไม่มีเจตนาชักชวนร่วมลงทุน แต่เป็นเพียงการเทศนาในเชิงกลอนพาไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวขอให้พระวอไปชี้แจงกับทางพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ส่วนจะมีพระรูปอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นคนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน

นอกจากนี้ กรณีที่มีป้ายการมอบเงิน 1 ล้านบาท ที่มีการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียล ตรงนี้ต้องให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบด้วยเช่นกัน หากพบว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ทางปปง.จะต้องมีการเรียกเงินดังกล่าวกลับมาเป็นของกลาง


ส่วนกรณีที่ พระว.วชิรเมธี มีการโพสต์ข้อความถึงหนุ่มกรรชัย ว่าเป็นศาลเตี้ย ในเรื่องนี้ต้องปล่อยให้ทางคุณหนุ่มกรรชัยเป็นคนดำเนินการว่าจะแจ้งความเอาผิดหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วมองว่า เป็นถึงพระอาจารย์ผู้ใหญ่ ควรจะระมัดระวังในการสื่อสารสาร เนื่องจากมีลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพและติดตามเป็นจำนวนมาก


ทั้งนี้ หลักฐานทั้งหมดได้มีการยื่นให้กับทางสำนักพุทธ เพื่อให้มีการตรวจสอบพระว.วชิรเมธี โดยทางสำนักพุทธได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้วและได้ลงพื้นที่ไปยัง วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงราย

----------------------------

“ทนายนิด้า” ชี้กรณี ‘พระ ว.’ เทศน์ให้บริษัทขายตรงฟัง ยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย

ขณะที่เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) เพจ “ทนายนิด้า” หรือ น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายนิด้า ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีนี้ว่า “พระ ว. เทศน์ ”อยากรวยเร็วก็ the icon แล้ว“ จะไปแจ้งความเอาผิดเรื่องอะไร ข้อหาอะไร ส่วนตัวยังไม่เห็นเข้าความผิดต่อกฎหมายอะไรเลย เอาไม่เหมาะสมกับไม่ถูกกฎหมายมาปนกันไปหมด หัวจะปวด”


ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ กลับมีชาวเน็ตจำนวนมากไม่เห็นด้วย และเกิดกระแสโซเชียลฯตีกลับ โดยทางทนายนิด้าต้องออกมาระบุเพิ่มเติมว่า “นี่ไม่ได้ทีมพระ วอ นะคะ ไม่อินกับแนวทางเหมือนกันค่ะ พูดแค่ในข้อกฎหมาย”

พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเองได้ดูคลิปแล้ว โดยระบุว่า “คลิปนี้คนถามว่าได้ดูหรือยัง จะตอบว่าดูแล้วค่ะ ความเห็นนิด้าก็ยังเห็นว่าไม่ผิดกฎหมายเช่นเดิมค่ะ แต่ถ้าคลิปยาวกว่านี้และมีเนื้อหาอื่นมากกว่านี้ คำตอบอาจจะเปลี่ยนไปได้ค่ะ”

จากนั้นทนายนิด้า ได้ออกมาโพสต์อีกครั้งถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า "ในส่วนของพระวอ จะเอาผิดในฐานะตัวการแชร์ลูกโซ่หรือผู้สนับสนุนในแชร์ลูกโซ่ ต้องพิสูจน์เจตนาพระวอ ให้ได้ว่าในขณะพระพูดนั้นพระทราบว่า the icon คือแชร์ลูกโซ่ หากพูดไปโดยไม่ทราบว่า the icon คือแชร์ลูกโซ่ ต่อให้มีลักษณะเชิญชวนมาเป็นครอบครัว the icon ก็ไม่อาจผิดได้เพราะขาดเจตนา ซึ่งการกระทำความผิดอาญานั้นจะขาดเจตนาไปไม่ได้เลย เว้นแต่กฎหมายจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น


การที่พระวอ จะบอกว่าในขณะที่พูด ไม่มีเจตนาเพราะไม่รู้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ ก็ค่อนข้างมีน้ำหนักว่าไม่ทราบได้ เพราะขนาดคนมีสี ข้าราชการทหาร ตำรวจ หรือแม้แต่ครอบครัวนักกฎหมายเองบางคนควรรู้ยิ่งกว่ายังไม่รู้เลยว่ามีลักษณะลูกโซ่จริงและไปเป็นเครือข่ายอยู่ และความก็เพิ่งมาแตกว่าเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้มันมีคนมาให้ข้อเท็จจริงกันไปในทิศทางเดียวกันเป็นจำนวนมากออกสู่สาธารณะนี่เอง


ส่วนตัวไม่มองอะไรแบบไม่เป็นธรรม โดยจะไม่เอาความชอบหรือไม่ชอบมาบอกว่ากรณีใดเข้าข่ายผิดกฎหมายใดหรือไม่ผิด และไม่ยัดเยียดข้อเท็จจริงเกินไปกว่าความเป็นจริง แต่พิจารณาตามเหตุและผล และตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

กรณีดังกล่าวพระวอเทียบได้กับพรีเซนเตอร์ที่ไม่ใช่ระดับบอสนะ ในส่วนของบอสดารา ที่อ้างว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยและเป็นบอสด้วย จะมีหน้าที่ในการโปรโมทด้วย ชักชวนคน สนับสนุน the icon ต่อประชาชน เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกโดยมีวัตถุประสงค์คือผลประโยชน์จากส่วนแบ่งกำไรจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น จึงมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งยวดขึ้นไปในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงเกี่ยวกับระบบภายในของ the icon ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีลักษณะฉ้อโกงหลอกลวงหรือไม่ กลยุทธ์ของบริษัทคืออะไร

ส่วนพรีเซนเตอร์สินค้า จะมีหน้าที่แค่โฆษณาตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จัก ดังนั้นเพียงการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัย ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็พอจะมองว่าสุจริตได้แล้ว ไม่ถึงขนาดว่าต้องรู้ว่ากลยุทธของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์เป็นยังไง เพราะก็ไม่มีหน้าที่ชักชวนสมาชิกมาลงทุนและก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรจากค่าตัวที่แน่นอนการจะเอาผิดพรีเซ็นเตอร์ที่ถือผลิตภัณฑ์ของ the icon แล้วกล่าวหาว่าเป็นตัวการร่วมในขบวนการแชร์ลูกโซ่หรือผู้สนับสนุนจึงเห็นว่าไกลไป

กลับมาในส่วนของพระวอ การรับเงินบริจาค 1,000,000฿ ก็ยังไม่มีข้อเท็จจริงว่าเป็นส่วนแบ่งรายได้จากการที่พระวอ ชักชวนสมาชิก ข้อความที่ปรากฏไม่ว่าจะรวยเร็วก็ the icon แล่ว ส่วนการอวยยศ the icon หรือการกล่าวหาว่าคนไม่เปิดใจ ไม่ปรับมายด์เซ็ท ไม่ลงคอร์สอบรมคือดักดาน ก็ยังไม่ชัดแจ้งว่าเป็นคำชักชวน ยังไม่ถือเป็นการชักชวนโดยตรง แม้จะมีคำไม่เหมาะสม หรือไม่ใช่กิจของสงฆ์ก็เป็นคนละเรื่องกันกับคดีอาญา

ดังนั้นจึงเห็นว่าพระวอและดาราที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เฉยๆ ยังไม่เข้าข่ายที่จะเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนแชร์ลูกโซ่ของ the icon นั่นเอง”

ขณะที่ทางด้าน นายเดชา กิตติวิทนานันท์ หรือทนายเดชา โพสต์ข้อความ ระบุ “มีผู้หญิงคนหนึ่ง(ชอบแย่งผัวชาวบ้านเขาผิดศีลข้อกา-เม) มาใส่ร้ายผม ว่าไปแจ้งความ ว.วชิรเมธี ทำไมไม่เข้าข้อกฎหมาย”




รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/BbNn_3SkF1w

คุณอาจสนใจ

Related News