สังคม

ชาวบ้านจี้โรงงานเยียวยา เหตุไฟไหม้มาบตาพุด พบอาการรุนแรง 67 คน ทารก 8 เดือนเม็ดเลือดแดงแตก

โดย petchpawee_k

11 พ.ค. 2567

58 views

ผู้บริหาร บ.มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล แจง จนท.ไม่ได้ขึ้นไปเพื่อปิดวาล์วถังสารเคมี แต่ขึ้นไปเช็คระดับสารเคมีในถัง ด้าน ‘พิมพ์ภัทรา’ กราบขอโทษชาวระยอง ยันเหตุเพลิงไหม้ที่มาบตาพุดดับสนิทแล้ว พร้อมส่งทีมแพทย์ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่

วานนี้ (10 พ.ค.) ภายหลังการประชุมความคืบหน้าเหตุไฟไหม้ถังเก็บสาร Pyrolysis gasoline (แก๊สโซลีน) บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด โดยมีนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมรับฟังการชี้แจงการระงับเหตุเพลิงไหม้

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท SCG กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นต้องชี้แจงว่า  เจ้าหน้าที่ที่ขึ้นไปบนถังสารเคมีเพื่อปฏิบัติงาน ไม่ได้ขึ้นไปเพื่อปิดวาล์วถังสารเคมี แต่เป็นการขึ้นไปด้านบนเพื่อเช็คระดับสารเคมีในถังว่าตัวเลขตรงกันกับเครื่องมือที่ติดตั้งอยู่หรือไม่  ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญการขึ้นไปปฏิบัติงานโดยตรง

ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด มีความชำนาญและทำงานมาเป็นระยะเวลานาน ขณะนี้ทางบริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า สาเหตุที่แท้จริงในการเกิดเพลิงไหม้ในถังสารเคมีจนเป็นเหตุให้มีผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิตหนึ่งรายและบาดเจ็บสาหัส เกิดจากอะไรและทางบริษัท SCG จะมีมาตรการชดเชยเยียวยาดูแลผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตขั้นสูงสุด ในส่วนของครอบครัวผู้เสียชีวิต บุตรหลานจะได้รับการศึกษาจนถึงระดับสูงสุดและมีการช่วยเหลือเงินที่จำเป็นในทุกด้าน

ส่วนตัวถังสารเคมีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้  มีความจุสารเคมีอยู่ที่ประมาณ 9,000 ลูกบาศก์เมตร ณ เวลาที่เกิดเหตุมีสารเคมีอยู่ประมาณ 7,000 ลูกบาศก์เมตร ขณะนี้คาดการณ์ว่ามีสารเคมีหลงเหลือไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตร หลังจากที่ควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว

ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสารเคมีดังกล่าวมีจุดระเหยอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส และมีจุดวาปไฟ อยู่ที่ 300 องศาเซลเซียส ฉะนั้นหากมีการปล่อยไว้โดยไม่มีการฉีดโฟม ควบคุมที่ด้านบน  สารดังกล่าวอาจจะระเหยออกได้หรือหากไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ  อาจมีการติดไฟได้ซึ่งเป็นไปได้ยากแล้ว ณ ขณะนี้

ส่วนเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในครั้งก่อนหน้านั้น เกิดในช่วงการหยุดซ่อมบำรุงของโรงงานและทางบริษัทได้ส่งผู้รับเหมาเข้าไปทำงาน แต่เกิดความผิดพลาดในส่วนของผู้รับเหมา ตั้งแต่นั้นทางบริษัทจึงมีการเพิ่มมาตรการว่าใครจะเข้าพื้นที่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ส่วนในครั้งนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าสาเหตุมาจากสิ่งใด ทั้งนี้ต้องขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เกิดผลกระทบจนมีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และกระทบกับชุมชนทั้งหมด

เวลา 10.00 น. นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ดังกล่าว ที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งก่อนที่จะมีการประชุมรับฟังชี้แจงการระงับเหตุเพลิงไหม้

ภายหลังประชุมนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการลงตรวจพื้นที่พบว่า สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และบริษัทฯ ได้ทำการควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างเด็ดขาด แต่ขณะเดียวกันยังทำการฉีดโฟมหล่อเย็นไว้ เพื่อควบคุมอุณหภูมิจากสภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิสูง

ในฐานะผู้ดูแลการนิคมอุตสาหกรรม  ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานที่เกิดเหตุ  ตนเองต้องขอโทษประชาชนโดยรอบ และขอโทษจังหวัดระยอง ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทุกคนไม่ได้อยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้ว ก็ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาสนับสนุน  วางแผนการรับมือ  จนเหตุการณ์จบลงได้ด้วยดี โดยกระบวนการในการดับเพลิง ที่หลายคนอาจมองว่าใช้ระยะเวลานาน  ความจริงแล้ว ในขั้นตอนของการดับเพลิงหลังจากอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว ใช้เวลาแค่ 6 นาที แต่การเตรียมอุปกรณ์ เตรียมพื้นที่ เพื่อที่จะได้ทำครั้งเดียวให้จบ ปิดจ๊อบได้เลยนั้น ต้องใช้เวลา

ด้านการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบนั้น ได้อพยพประชาชนไปยังที่ทำการชุมชนตากวนอ่าวประดู่ จ.ระยอง รวมทั้งประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อส่งทีมแพทย์เข้ามาดูแลสุขภาพ และตรวจรักษาให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว

ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำชุมชนโดยรอบพื้นที่ โดยรถโมบายของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) จำนวน 2 จุด ได้แก่ คลองชากหมาก และบริเวณบริษัท ไทยพลาสติกเคมีภัณฑ์ พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่คุณภาพในบรรยากาศพบว่า ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดตรวจสถานีอนามัยตากวน จุดตรวจสถานีหนองเสือเกือก และจุดตรวจสถานีเทศบาลเมืองมาบตาพุด อยู่ในเกณฑ์ปกติ

-----------------------

ชาวบ้านโวยบริษัท มาบตาพุด แทงค์ฯ ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ไม่เห็นมาพบปะพูดคุยบ้าง เสียงที่ได้ยิน-กลิ่นที่ได้รับ-ควันที่ได้ดม-สุขภาพชาวบ้านทำไมไม่มาดู  ด้านจนท.ตั้งโต๊ะให้บริการตรวจสุขภาพผู้ได้รับผลกระทบ  พบอาการรุนแรง 67 ราย ทารกน้อยวัย 8 เดือน มีอาการอาเจียนและตาแดง แพทย์ระบุ เม็ดเลือดแดงแตกจากการสูดดมสารเคมี

ทีมข่าวลงพื้นที่ชุมชนโดยรอบบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสาร Pyrolysis gasoline (แก๊สโซลีน) ได้คุยกับนายปพนพัชร์ ชูชุ่ม อายุ 41 ปี ชาวบ้านกลุ่มประมงตากวน-อ่าวประดู่ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นโรงงานมาพูดคุยหรือพบปะชาวบ้าน เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่ได้รับ ควันที่ได้ดม สุขภาพชาวบ้าน ทำไมไม่มาดู

เพราะขณะเกิดเหตุชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่ กำลังเก็บหอยขึ้นมากองไว้เป็นร้อยโล พอเกิดเหตุไฟไหม้ต้องอพยพทันที  จำใจต้องทิ้งหอย กว่าจะกลับเข้าบ้านได้หอยเน่าหมด เอาไปขายไม่ได้ต้องสูญเสียรายได้  อีกทั้งหลังเกิดเหตุมีคราบเขม่าตกใส่ถังน้ำที่ชาวบ้านเก็บสำรองไว้อุปโภค ใช้อาบ  ล่าสุด ได้รับการประสานจากทางโรงงานให้ชาวบ้านเทน้ำทิ้งและจะชดเชยค่าน้ำให้ แต่ไม่รู้ว่าจะจ่ายเงินหรือนำน้ำมาเปลี่ยนให้ใหม่

“ชาวบ้านอยากเจอตัวแทนบริษัทที่เกิดเหตุมาก ทำไมไม่มาถามว่าเดือดร้อนอะไรบ้าง ส่วนเรื่องความปลอดภัยหรือการเกิดเหตุ ชาวบ้านก็รับสภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แต่เมื่อเกิดแล้ว มันร้ายแรงแค่ไหน ต้องป้องกันอย่างไร ทำไมไม่มาบอกชาวบ้าน”

นอกจากนี้บริเวณศาลาเอนกประสงค์ ข้างวัดตากวน เจ้าหน้าที่การนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้นำบุคบากรทางการแพทย์มาตั้งโต๊ะเพื่อให้บริการตรวจสุขภาพ ให้กับผู้ได้รับผลกระทบเหตุเพลิงไหม้ถังสารเคมี ทั้งพนักงานของบริษัทและชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียง

โดยจะเน้นการตรวจอาการเบื้องต้น เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียนหรืออาการตาแดงหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้ที่มีอาการไม่ว่าจะเป็นตาแดงหรือมีผื่นคัน แสบคอ มาจากผลกระทบจากควัน และในการสูดดมกลิ่นที่เกิดจากเพลิงไหม้เข้าไป ทั้งนี้หากแพทย์ประเมินว่ามีอาการไม่ดี ก็จะทำเรื่องส่งต่อไปยังโรงพยาบาล

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวนุชนารถ ประชาชนที่มาเข้ารับบริการ โดยเธอมีอาการตาแดง น้ำตาไหลอย่างเห็นได้ชัด  พร้อมเล่าว่า ตอนเกิดเหตุ ตนอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ เพียงแค่มีคลองกั้นเท่านั้น จึงได้กลิ่นเหม็นค่อนข้างแรง และหลังเกิดเหตุแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มมีอาการแสบคอ หลังจากนั้นเริ่มแสบตา ตาแดง และน้ำตาไหลตลอดเวลา  ต้องไปซื้อยาหยอดตามาใช้ อาการจึงทุเลาลงบ้าง แต่น้ำตายังไหลอยู่  ซึ่งวานนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำเรื่องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมาบตาพุด ทั้งนี้ ตนเองก็ยังกังวลเรื่องสุขภาพอีกหลายอย่าง กลัวจะมีอาการมากกว่านี้ อยากให้ทางบริษัทเข้ามาดูแลด้วย  โดยเมื่อหลายปีก่อนก็เคยมีเหตุเพลิงไหม้โรงงาน แต่ไม่ได้รับผลกระทบต่อร่างกายรุนแรงเท่าครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมีคุณแม่ที่พาทารกวัย 8 เดือนมาเข้ารับบริการ ซึ่งสังเกตเห็นได้ชัดว่า น้องมีอาการตาแดง น้ำตาไหล สอบถามคุณแม่ ทราบว่า น้องอาเจียนหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ และตาแดง ซึ่งเบื้องต้นได้ตรวจแล้ว แพทย์บอกว่า มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ซึ่งเกิดจากการสูดดมสารเคมี ส่วนคุณแม่เองก็มีอาการอาเจียนเป็นเลือดด้วย

-------------------------------

นายกฯ สั่ง พิมพ์ภัทรา ดูแลเยียวยาประชาชน เหคุไฟไหม้ โรงงานสารเคมีที่มาบตาพุด กำชับทุกภาคส่วนป้องกัน-ป้องปราม เหตุซ้ำรอย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเยียวยาเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บวัตถุดิบสารไพโรไลสีส แก๊สโซลีน  ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์เทอร์มินอล จำกัด ว่า ถึงแม้ไฟจะดับแล้ว แต่ได้สั่งการให้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ผ่านนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัท เอสซีจี หรือ สยามซีเมนต์กรุ๊ป  เป็นผู้รับผิดชอบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ส่วนเรื่องภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้ยกเลิกไป เพราะไฟดับแล้ว

นายกฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้เน้นย้ำทุกภาคส่วน เฝ้าระวังป้องกัน ป้องปราม ในแง่ของโรงงานต่างๆ ให้ทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และในการเข้าควบคุมเพลิงจะต้องมีมาตรฐานการดับไฟ และให้มีการซ้อมดับไฟให้เข้มข้น รวมถึงมาตรการเตรียมพร้อมรับมือต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโรงงานและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ


https://youtu.be/q640akqJlKg

คุณอาจสนใจ

Related News