ฝนถล่มเพชรบูรณ์-เลย น้ำป่า ดินสไลด์ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย รถจมมิดหลังคา

เมื่อคืนนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ที่ จ.เพชรบูรณ์ และ จ.เลย ทำให้เกิดรถสไลด์ และน้ำป่าไหลหลาก



ที่ อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ ช่วงคืนที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักทั่วพื้นที่ ทำให้เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทาง ถนนทางหลวง หมายเลข 12 หล่มสัก-ชุมแพ ช่วงห่างสะพานห้วยตอง ประมาณ 1 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างภาคเหนือและภาคอีสาน เกิดหินและดินร่วงมาปิดเส้นทาง รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้



ขณะนี้แขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 ได้จัดเครื่องจักรกลเข้าเคลียร์เส้นทาง แต่ยังคงมีหินและดินร่วงหล่นลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่แขวงการทางและตำรวจปิดกั้นเส้นทางจราจร เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้เส้นทาง



ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ช่วง อ.หล่มสัก มีระดับสูง ส่งผลกระทบกับบริเวณพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ขณะนี้ทางผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ ได้เตรียมความพร้อมบุคลากร และเครื่องจักร รองรับสถานการณ์เข้าช่วยเหลือ และแจ้งเตือนประชาชนที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำป่าสัก ให้ขนของขึ้นที่สูงและเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักตลอด 24 ชั่วโมง



ส่วนที่ จ.เลย ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนเกือบทุกพื้นที่ ทำให้น้ำป่าไหลหลากจากภูเขา และลำห้วย เอ่อท่วมหมู่บ้าน ถนนและพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะทางขึ้นภูบักได บ้านสำราญ ต.ท่าศาลา อ.ภูเรือ น้ำป่าเอ่อท่วมถนน จนรถกระบะของชาวบ้านที่จอดอยู่ ไม่สามารถนำรถออกมาได้ทัน น้ำท่วมมิดหลังคารถ ระดับน้ำ 1.50 เมตร ชาวบ้านต้องช่วยกันเอารถขึ้นมาจากน้ำ

สทนช.เตือนประชาชนลุ่มเจ้าพระยา เตรียมรับมือน้ำฝนและน้ำเหนือไหลเพิ่มอีก ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนเป็นต้นไป ส่วน 25-28 กันยายน เจออิทธิพลพายุซ้ำอีก อาจจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม แต่จะควบคุมไม่ให้เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที



หลังการประชุมติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ เพื่อบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำชี-มูล และลุ่มน้ำโขง กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นาน 2 ชั่วโมง



ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.กล่าวว่า ที่ประชุมได้คาดการณ์แนวโน้มของพายุโซนร้อน"มิแทก" ที่อยู่ในทะเลจีนใต้ และจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศจีนในวันสองวันนี้ แม้พายุลูกนี้ไม่ได้เคลื่อนเข้าประเทศไทย แต่มีอิทธิพลส่งให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้มรสุมที่พาดผ่านไทยขยับขึ้นไปพื้นที่ตอนบนของไทย ในวันที่ 22 กันยายนนี้ จะเกิดฝนตกมากขึ้น ในพื้นที่ภาคเหนือตอนกลาง และตอนล่าง พื้นที่ภาคกลาง รวมไปถึงพื้นที่ภาคอีสานตอนบน และตอนล่าง เป็นช่วงที่ร่องมรสุมจะพาดผ่านพอดี อาจจะพายุก่อตัวอีก1ลูก ช่วงวันที่ 25 – 28 กันยายน นี้



เลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า ตอนนี้การระบายน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และจะยังอัตรานี้ไปอีก2-3วัน แต่ในวันที่ 22 กันยายนนี้ ที่ฝน จะตกเพิ่มมากขึ้น จะต้องมาปรับแผนระบายน้ำอีกครั้ง ตามปริมาณน้ำที่เติมเข้าใน 4 เขื่อนลุ่มเจ้าพระยา แต่จะไม่ให้เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในเบื้องต้นอาจจะระบายน้ำอยู่ที่ 2,300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที



สำหรับพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ห่วงน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ มากกว่าน้ำเหนือที่ระบายลงมา เพราะขณะนี้มีฝนที่ตกในกทม.มาก บางวันบางพื้นที่เกินกว่า 100 มิลลิเมตร/ชั่วโมง ส่งผลระบายไม่ทัน เกิดน้ำท่วมขังรอระบาย เกินศักยภาพ ที่ระบายได้ 60 – 80 มิลลิเมตร/ชั่วโมง



ส่วนที่กังวลว่า กทม.จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ต้องดูว่าน้ำเหนือไหลลงมามากเกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาทีหรือไม่ ดังนั้นไม่อยากให้กังวล



ขณะนี้ ปริมาณน้ำ 4 เขื่อนหลัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดนและป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,432 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็น 82 เปอร์เซ็นต์ความจุอ่าง



โดย 1.เขื่อนภูมิพล มีน้ำ 10,597 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 79 เปอร์เซ็นต์ความจุอ่าง

2.สิริกิติ์ 8,365 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 88 เปอร์เซ็นต์ความจุอ่าง

3.แควน้อยบำรุงแดน 783 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 83 เปอร์เซ็นต์ความจุอ่าง

และ4.ป่าสักชลสิทธิ์ 690 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ความจุอ่าง



กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ ปริมาณฝน ถึง 6 โมงเช้า วันพรุ่งนี้



ภาคเหนือ 60 เปอร์เซ็นต์

ภาคอีสาน 70 เปอร์เซ็นต์

ภาคกลาง 70 เปอร์เซ็นต์

ภาคตะวันออก 70 เปอร์เซ็นต์

ภาคใต้ 60 เปอร์เซ็นต์

กทม./ปริมณฑล 70 เปอร์เซ็นต์

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/POzeSaeNSuw