สังคม

'ป้าติ๋ม' แม่บ้านวืดมรดก 100 ล้าน ตร.จ่อเอาผิด 2 คนไทยเป็นนอมินีบริษัท 'แหม่มฝรั่งเศส'

โดย panisa_p

26 พ.ย. 2567

97 views

ตำรวจดับฝัน "ป้าติ๋ม" แม่บ้านมรดก 100 ล้าน จากแหม่มชาวฝรั่งเศสยิงตัวเองดับ หลังซุ่มสืบสวนนานร่วม 7 เดือน หอบหลักฐานเรียก 2 คนไทยนอมินีแหม่ม จดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลถือครองที่ดินและทำธุรกิจซื้อขายวิลล่าบนเกาะสมุย



วันนี้ พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก) ภ.จว. สุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รองผู้กำกับ สภ.กาญจนดิษฐ์ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย ให้ดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน 2 แห่ง (บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด และบริษัทแม็กซิเคทจำกัด) ในฐานะนิติบุคคล, รวมถึงนางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์ เจอร์แมน เดลาโคท อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเสียชีวิตแล้ว



ในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ, เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9)), เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยฯ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจ โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้



นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับ นายทองใส คติสุข อายุ 50 ปี และ นางรัชประภา โซเรดะ อายุ 36 ปี อีกด้วย โดย พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ได้มอบสำนวนการสืบสวนและพยานหลักฐาน ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว



ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เผยว่า หลังเกิดเหตุ นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี นักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุยใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา จนทำให้เป็นสนใจของคนไทยทั้งประเทศ



ขณะเดียวกันก็ได้สร้างความกังขาให้กับสังคม โดยเฉพาะประเด็นทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ชาวต่างชาติสามารถถือครองและโอนทรัพย์สินให้กับผู้อื่นได้หรือไม่ ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาจึงได้มอบหมายให้ ศปชก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี เข้าสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องจนพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจในลักษณะนิติบุคคลที่มีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการ เข้าข่ายความผิดลักษณะของตัวแทนอำพราง ซึ่งเราได้ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน จนมั่นใจว่าเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ จึงเป็นที่มาของการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด



โดยในการสืบสวนยังพบว่ามีสำนักงานกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและให้การช่วยเหลือในการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลของชาวต่างด้าว ซึ่งประเด็นของสำนักงานกฎหมาย จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้



คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี ชาวฝรั่งเศสนักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ได้ยิงตัวเองเสียชีวิตที่ริมสระน้ำในวิลล่าหรู ที่ ต.แม่น้ำ ซึ่งตำรวจได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าก่อนเสียชีวิตผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้นางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม ซึ่งเป็นคนใช้คนสนิท ประกอบด้วย วิลลาหรูพร้อมที่ดินที่เกิดเหตุ , ที่ดินเปล่า 2 แปลง รวมถึงทรัพย์สิน เครื่องประดับ และสดในธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าที่ป้าติ๋มได้รับราว 100 ล้านบาท



หลังปรากฎเป็นข่าว นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเกี่ยวกับความถูกต้องในการถือครองทรัพย์สิน รวมถึงการดำเนินกิจการธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อถือครองทรัพย์สินโดยเฉพาะที่ดินในประเทศไทย รวมถึงให้มีการตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อครอบครองวิลล่าของชาวต่างชาติ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ



และต่อมา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค ซึ่งขณะนั้นเป็น ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้ชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสืบสวนหาข่าวและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนนำไปสู่การตรวจสอบการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่า



ทีมข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ สอบถามเพิ่มเติม พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.สอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วันนี้มีการแจ้งความและออกหมายเรียก คนไทย 2 คน ที่มีข้อมูลว่าเป็นนอมินีทำธุรกิจให้แคทเทอร์รีน



หลังสืบหาข้อมูลแล้วพบว่า คุณแคทเทอร์รีน ชาวฝรั่งเศส ให้คนไทย 2 คน คือ นายทองใส และ นางสาวรัชประภา ร่วมถือหุ้นในบริษัท 2 แห่ง เพื่อหวังทำธุรกจิในไทย หรือพูดง่ายๆคือ มีคนไทย 2 คนเป็นนอมินี ถือหุ้นลม เพื่อให้ ชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยได้



โดยบริษัทที่ 1 ทำธุรกิจสร้างบ้านขาย โดยขายไปแล้ว 5 หลัง เหลือ 2 หลังเป็นทรัพย์สินบริษัท ส่วนบริษัทที่ 2 ทำอาคารพาณิชย์ และ วิลล่าที่อยู่อาศัย มูลค่าราว 100 ล้านบาท ซึ่งต่อมาพบว่า มอบพินัยกรรมให้ ป๋าติ๋ม ณัฐวลัย จนเป็นข่าวดัง



พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ บอกว่า ขณะที่ รอ 2 คนไทย เข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียก แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน และมั่นใจ เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อหากับ "แคทเทอร์รีน" 3 ข้อหา คือ

-ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต

-ถือครองที่ดินโดยมิชอบ

-แจ้งข้อความมอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน

แต่เนื่องจาก แคทเทอร์รีนเสียชีวิตไปแล้ว คดีอาญาจึงถูกระงับไป



ส่วนของ คนไทย 2 คน คือ ทองใส และ รัชประภา ตำรวจก็จะแจ้ง 3 ข้อหา เช่นกัน ประกอบด้วย

-ช่วยเหลือการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวไม่ได้รับอนุญาต

-สนับสนุนช่วยเหลือถือครองที่ดินอันมิชอบด้วยกฎหมาย

-แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน



ส่วนเมื่อถามว่า ป้าติ๋มไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ แต่ได้รับมรดกตามพินัยกรรมจาก แคทเทอร์รีน จะเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือต้องคืนทรัพย์สินให้แก่รัฐหรือไม่ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ บอกว่า ต้องรอการดำเนินคดีอาญาก่อน ซึ่งการจะยึดคืนที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานที่ดิน ว่าจะยึด หรือให้จำหน่ายจ่ายโอน หรือดำเนินการอย่างไร



ด้าน ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นทางกฎหมายว่า คดีนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการยึดมรดกของป้าติ๋ม เพราะ การทำธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตก็เป็นความผิดฐานไม่ได้รับอนุญาต ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สิน จะไปยึดทรัพย์สินไม่ได้



แนวคำพิพากษาศาลฎีกา ระบุไว้แบบนี้ อ.ปรเมศวร์ ยกตัวอย่าง การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ก็ปรับเงิน แต่ไม่ได้ยึดรถ หรือ เขียงหมูขายหมูโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ปรับและดำเนินคดี ไม่ได้ยึดเขียงหมูไป



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Z-D1CGOhUXA

คุณอาจสนใจ

Related News