สังคม

ตัวแทนคลินิกหน่วยบริการในกทม. ร้องขอ สปสช. เร่งจ่ายยอดค้างชำระ หวั่นทยอยถอนตัว

21 ต.ค. 2568

64 views

ตัวแทนเครือข่าย “คลินิก ชุมชนอบอุ่น” กทม. ร้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ช่วยเหลือเร่งด่วน นำงบจ่ายชดเชยยอดค้างชำระของ สปสช. ก่อน คลินิกจะทยอยถอนตัว พร้อมขอให้เปิดการตรวจสอบการเบิกจ่ายโปร่งใส

วันนี้ (21 ต.ค.68) ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.นันทวัน ชอุ่มทอง นายกสมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่น พร้อมด้วย นพ.พินัย ล้วนเลิศ อนุกรรมการ อปสข.กทม. และ นางศรินทร์ สนธิศิริกฤตย์ คณะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานและผู้ประกอบการคลินิกภาคเอกชนในระบบบัตรทอง และตัวแทนคลินิกชุมชนอบอุ่นในกรุงเทพมหานคร เดินทางมายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาระบบ “ปฐมภูมิ” เขตเมือง และทบทวนกลไกลการจ่ายงบประมาณสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กทม.

นพ.พินัย ล้วนเลิศ อนุกรรมการ อปสข.กทม. กล่าวว่ากลุ่มคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มี 324 แห่ง แต่จากปัญหา การเบิกจ่ายกับ สปสช.ทำให้ มีคลินิกจำนวน 64 แห่ง ถอนตัวจากการเป็น หน่วยบริการของ สปสช. และจาก ปัญหาระบบการค้างจ่ายของสอปอสอชอจะยิ่งทำให้คลินิกหลายแห่งกระทบเงินหมุนเวียนในวันนี้ จึงเดินทางมาเพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้มีการบริหารระบบปฐมภูมิในเขตเมืองอย่างเป็นรูปธรรม และขอให้ทบทวนการจัดสรรงบประมาณของ สปสช. ที่เดิมส่งผลให้หน่วยบริการใน กทม. ขาดดุลกว่า 1,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567

นอกจากนี้ คลินิกเอกชนยังถูกเรียกเก็บเงินค่าส่งต่อจากโรงพยาบาล (รพ.) โดยปัจจุบันมีการคิดแบบ Point System ในการให้บริการผู้ป่วย โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ 0.57 เปรียบให้เห็นภาพ เช่น รักษาไป 10,000 บาท แต่ สปสช. กลับคำนวณ Point System แล้วเอาเงินให้หน่วยบริการด้วยการคูณ 0.57 ก็จะเหลือเพียง 5,700 บาท อีกครึ่งหนึ่งทางคลินิกก็ต้องแบกรับภาระเอง ทำให้หลายแห่งแบกรับภาระต้นทุนนั่นไม่ไหว

นอกจากนั้น เมื่อคำนวณระบบดังกล่าวมา สปสช. ก็มาเรียกเงินคืนจากคลินิกอีก ซึ่งจะเหมือนกับกรณีของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำให้เกิดเป็นปัญหาเรื่องงบขาดดุล

ขณะที่ตัวแทนคลินิกรายหนึ่ง ซึ่งมีคลินิกในเครือรวม 13 แห่งที่เป็นหน่วยบริการคู่สัญญากับ สปสช. ได้สะท้อนว่าในปัจจุบัน ทางคลินิกมียอดที่ สปสช.ยังชะลอค้างจ่ายอยู่รวม 11 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา นอกจากนั้นยอดรายจ่ายเหมาต่อประชากรซึ่งปกติต้องจ่ายตั้งแต่ต้นปีก็ยังไม่ได้รับ และมีการค้างจ่ายในส่วนงานส่งเสริมอื่นๆทำให้เกิดปัญหาการบริหารจัดการที่คลินิกขาดสภาพคล่อง

ทั้งนี้เป็นผลมาจากกรณีที่ทางคลินิกเองก็ต้องเปิดรับสิทธิ์ประชาชนที่ย้ายจากคลินิกอื่นเนื่องจากเป็นการยกเลิกคลินิกคู่สัญญาให้บริการทำให้ไม่ได้รับเงินอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้จึงอยากให้ผู้บริหารทุกฝ่ายช่วยเหลือและเร่งรัดการจ่ายเงินให้กับทางคลินิก

พญ.นันทวัน ชอุ่มทอง นายกสมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่นกล่าว วันนี้เราจะขอมาคุยกันแง่ของการแก้ปัญหา พร้อมเสนอแนทาง 4 ข้อหลัก คือ

1.ขอให้ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดสปสช. พิจารณาทบทวนงบประมาณปี 2566-2567 ให้เป็นธรรม และโปร่งใสกับคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ


2.ปรับระบบการจ่ายเงินและส่งต่อผู้ป่วยให้เหมาะกับบริบทของเมือง สนับสนุนให้เกิดรูปแบบการรักษา ส่งต่อแยกค่าเหมาจ่ายรายหัวให้คลินิกโดยทางคลินิกไม่ต้องแบกรับภาระค่าส่งต่อ เช่นเดียวกับรูปแบบ รพ.นพรัตน์

3.จัดทำระบบ Risk-adjusted capitation สะท้อนต้นทุนจริงของคลินิกเอกชนในเขตเมือง 

4.จัดตั้งเครือข่ายคลินิกบัตรทอง Plus เพื่อยกระดับขีดความสามารถของคลินิกปฐมภูมิเขตเมือง โดยการจ่าย On top ให้กับหน่วยบริการปฐมภูมิศักยภาพสูง

นพ.พินัย กล่าวเพิ่มเติม หากสุดท้ายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ปัญหาต่างๆก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคลินิกก็จะลาออกจากระบบบัตรทองเพิ่มขึ้น โดยปี 2568 ลาออกจากบัตรทอง 25 แห่ง รวมทั้งรพ. 1 แห่ง ซึ่งหากไม่แก้ไขปี 2569 ก็จะเกิดปัญหาอีก ประชาชนจะได้รับผลกระทบแล้ว 2.2 แสนคน ซึ่งกระจายทุกโซนของกทม. พร้อมขอว่า สปสช.ไม่ควรสร้างวาทะกรรมบิดเบือน ต้องยอมรับว่า งบประมาณอาจไม่เพียงพอกับการเจ็บป่วยในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการมากที่สุดคือ หางบ ประมาณมาเยียวยาผู้ประกอบการคลินิกจากการ ต้องแบกรับภาระต้นทุน ที่เกิดจากการให้การรักษาประชาชน

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรักษาราชการรองปลัดสธ. พร้อมด้วย นพ.เกษม ตั้งเกษมสำราญ ผู้ตรวจราชการฯ ดูแลเขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นตัวแทนเข้ามารับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการคลินิก

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร กล่าว เรื่องที่ได้รับข้อมูลจากตัวแทนคลินิกชุมชนอบอุ่นในวันนี้ซึ่งเรื่องที่เป็นหลักการและนโยบายจะนำเสนอถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามขั้นตอน แต่ส่วนที่เป็นรายละเอียดอาจจะต้องมีคณะทำงานเพื่อการตรวจสอบโดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อการประสานงานรวมกันก่อน

ส่วนตัวยังมองว่าในข้อเสนอกรณีโมเดลการแยกงบและให้หน่วยบริการร่วมกันวางแผนการจ่าย เป็นเรื่องที่ดีหากมีการนำร่องหรือทดสอบใช้และดำเนินการได้ดีถือว่าเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

สำหรับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถือเป็นระบบที่ดีในการดูแลสุขภาพประชาชน ที่ถือว่าดีกว่าสิทธิ์อื่นๆที่ยังมีการใช้ร่วมรูปแบบร่วมจ่าย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  สปสช ,คลินิกชุมชนอบอุ่น

คุณอาจสนใจ

Related News