รู้ตัวแล้ว หนุ่มเขมรควงปืนชิงทองในห้างย่านบางเสาธง พบทองยังอยู่ครบ คนร้ายทำหล่นระหว่างหนี

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายถือปืนบุกเดียว เหมือนปาระเบิดปิงปอง เบิกทางเข้าก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง กวาดทองรูปพรรณไปกว่า 12 เส้น น้ำหนักรวมประมาณ 24 บาท เหตุเกิดภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงเวลา 14.30 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2568

ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ติดตามจนไปพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซูโม่เอ็กซ์ สีขาว-แดง ซึ่งเป็นคันที่คนร้ายใช้หลบหนี จอดอยู่ที่ร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่ง ภายในซอยไทยประกัน ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายอาวช์ ยง อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา หลังนำรถจักรยานยนต์มาจอด ได้ขับรถตู้ของเจ้าของร้านคาร์แคร์ออกไป ก่อนจะนำไปจอดทิ้งบริเวณ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ แล้วหลบหนีไปต่อด้วยการเรียกรถแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังย่านสำโรงเหนือ

ขณะที่ข้อมูลจากเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ พบว่ามีการแชร์ข่าวปล้นร้านทองในพื้นที่ภาคใต้ ก่อนจะมาก่อเหตุภายในห้างย่านบางเสาธง ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดของทางห้าง จับภาพวินาทีที่ผู้ก่อเหตุบุกถือปืนเข้ามาภายในห้าง จากนั้นหยิบเอาระเบิดปิงปองที่เตรียมมาจุดฉนวนด้วยไฟแช็กก่อนจะปาลงพื้นเบิกทางก่อเหตุ แต่คาดว่าระเบิดเกิดการระเบิดใส่มือขวาจนทำให้ผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่ฝ่ามือข้างขวา โดยเจ้าหน้าที่พบคราบเลือดของคนร้ายติดที่ตู้กระจกร้านทอง และยังพบคราบเลือดติดที่มือจับคันเร่งของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายขับมาจอดไว้ในร้านคาร์แคร์ ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถตู้ของทางร้านหลบหนี นอกจากนั้นตำรวจยังพบลูกระเบิดปิงปองพร้อมเข็มขัดคาดเอวที่ผู้ก่อเหตุใช้คาดเอวแขวนระเบิด ถูกวางไว้พร้อมไฟแช็กบนที่นอนอีก 3 ลูก ตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้ามาเก็บกู้นำไปเก็บเป็นวัตถุพยานในการดำเนินคดี

จากการสอบถาม น.ส.วันดี (นามสมมติ) เจ้าของร้านคาร์แคร์ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนกัมพูชา ทำงานกับตนมานานแล้ว ไม่เคยมีปัญหา ดูแลกันอย่างดี ตนมั่นใจว่าจำผู้ก่อเหตุได้ วันนี้เขามาทำงานได้ครึ่งวันแล้วก็หายไป ทราบว่าเขาเคยมีครอบครัวแต่ตนไม่ทราบรายละเอียด ยืนยันดูแลอย่างดี เขาเคยบ่นไม่อยากกลับบ้าน เพราะกลับไปก็ไม่มีใครแล้ว ก่อนหน้านี้เคยโพสต์ขู่ว่า “คนที่ทำงานกับเขาแล้วไม่จ่ายเงินระวังตัวไว้” แล้วโชว์คล้ายอาวุธมีด เพราะเห็นเป็นด้ามสีดำ

ส่วนสร้อยคอทองคำที่ถูกคนร้ายชิงไป 12 เส้น เส้นละ 2 บาท รวม 24 บาท มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท หลังจากเจ้าหน้าที่ของร้านทองตรวจสอบ พบว่าสร้อยทองคำทั้งหมดอยู่ครบ คนร้ายทำตกไว้ในร้านและระหว่างทางหลบหนี จึงไม่ได้ทองไปแม้แต่เส้นเดียว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดไล่ล่า เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว