สังคม

รองผอ.สำนักพุทธฯ ขอพระรู้ตัวทำผิดสัมพันธ์เชิงชู้สาวไปสึกเอง ป้องศาสนาเสื่อมเสีย ไม่ต้องรอตำรวจไปพบ

โดย JitrarutP

10 ก.ค. 2568

68 views

รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธฯ ฝากถึงพระที่ไปเกี่ยวพันธ์กับผู้หญิงเชิงชู้สาว ขอให้สึกออกไปเองเพื่อไม่ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ไม่ต้องรอให้ตำรวจไปพบเพื่อขอให้สึก ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดส่วนบุคคล หลักคำสอนและพระพุทธศาสนายังคงอยู่

นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีพระหลายรูป มีข่าวเข้าไปเกี่ยวพันกับสีกากอล์ฟในเชิงชู้สาว และมีบางรูปยอมสึกไปแล้วนั้น ในส่วนนี้สำนักงานพระพุทธศาสนา ทราบข้อมูลบางส่วนแล้ว สิ่งที่สำนักงานพระพุทธศาสนาทำในขณะนี้ คือได้แจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทุกจังหวัด ให้แจ้งเจ้าคณะปกครองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟนั้น ขอให้พิจารณาตัวเอง ถ้ามีคลิปหรือภาพนิ่ง เข้าข่ายอาบัติปาราชิกก็ขอให้พิจารณาเองาเอง

ในกรณีที่พระบางรูปยอมสึกไปแล้ว ถือว่าไม่มีความยุ่งยากอะไร เนื่องจากตามกฎหมายมหาเถรสมาคม มีระบุไว้ชัดเขนอยู่แล้วว่า ถ้าวัดใดว่างเว้นจากเจ้าอาวาสให้พิจารณาหาผู้รักษาการแทนก่อน ส่วนเจ้าคณะปกครองที่สูงขึ้นไปกว่าเจ้าอาวาส ก็ให้หาผู้ที่เหมาะสมมารักษาตำแหน่งที่ว่าง ตามกฎของมหาเถรสมาคม

ทั้งนี้การลงพื้นที่วัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะแจ้งมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาก่อนเสมอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯร่วมปฏิบัติการตรวจสอบ เพราะบางอย่างสิ่งที่ปรากฏในภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวนั้น เป้นความผิดในระดับใด เป็นอาบัติหนักแค่ไหน ต้องใช้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ให้ข้อมูล

อยากฝากไปยังพระที่ยังไม่มีชื่อปรากฏในสื่อและยังไม่ไม่สึก หากรู้ตัวว่าตนเองกระทำความผิด อาบัติปาราชิก ขอให้พิจารณาตนเอง ไม่ต้องรอให้ตำรวจไปหา ไม่ต้องรอให้สำนักพุทธฯไปหา ควรพิจารณาสึกไปเอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีให้กับพระพุทธศาสนา

สำหรับสีกาที่เข้าไปมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพระสงฆ์นั้น โทษทางพระวินัยจะมี 2 อย่างคือ โลกวัชชะ เป็นโทษที่ต้องไปรับโทษทางบบ้านเมือง และ ปัณณัตติวัชชะ เป็นโทษทางพระวินัย ยกตัวอย่างเช่น การเสพเมถุนกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะมีโทษทั้งทางโลกวัชชะ และ ปัณณัตติวัชชะ คือขาดจากความเป็นสมณะ และต้องถูกลงโทษทางอายุด้วย เพราะเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี แต่ถ้าเกินอายุ 18 ปี จะได้รับโทษปัณณัตติวัชชะหรือเป็นโทษทางพระวินัยเท่านั้น

สำหรับพระที่กระทำความผิดด้วยการเสพเมถุน ในขณะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะปกครองนั้น ไม่ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด เพราะเมื่อเจ้าคณะปกครองทำผิดจนต้องอาบัติปาราชิก ตำแหน่งต่างๆก็หมดลงไปด้วย

รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เป็นวิกฤติทางพระพุทธศาสนามากที่สุด” ตั้งแต่ที่รับราชการมา เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แต่ทางสำนักงานพรพุทธศาสนาไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้หารือกับพระผู้ใหญ่ในขั้นต้นแล้ว ว่าควรจะทำอะไร ควรจะเข้มงวดตรงไหน เพราะถ้าพระตั้งมั่นในพระธรรมวินัย 227 ข้อ สิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น อยากให้พระมีสติ และไปทบทวนว่า สิ่งที่ทำลงไปเหมาะกับสมณะเพศหรือไม่ เพราะพรธำรงค์อยู่ในเพศสมณะ ซึ่งถือว่าสูงกว่าฆราวาส ดังนั้นพระต้องตระหนักให้มาก และคิดอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นสมณะ



สุดท้ายอยากฝากถึงประชาชนทั่วไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของพระส่วนบุคคล พระที่ทำผิก็ต้องรับโทษไปตามขั้นตอน แต่อยากให้ประชาชนตั้งมั่นและศรัทธาในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ดำรงยู่กว่า 2568 ที่ไม่มีอะไรมาทำลายและไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ เห็นได้จากเมื่อเช้า (10/07/68) มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาทำบุญที่องค์พระใหญ่ฯ บริเวณพุทธมณฑลจำนวนมาก แสดงว่าชาวพุทธยังศรัทธา และตั้งมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า สุดท้ายอยากให้พี่น้องชาวพุทธแยกแยะผู้กระทำความผิด และสิ่วที่เราศรัทธาในพระบวรศาสนา

คุณอาจสนใจ

Related News