เจ้าของร้านโอดภาครัฐคุมเข้มกัญชาไม่เสรี วอนหาทางออก หากปิดกั้นหวั่นเกิดการลอบใช้

เจ้าของร้านขายกัญชา จ.เชียงใหม่ โอดหากรัฐบาลเตรียมบรรจุกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดตามเดิม ขอให้ทบทวนและหาทางออกให้ผู้ประกอบการ หากไม่ให้ขายเลย คนที่จำเป็นต้องใช้อาจลำบากจนเกิดการลักลอบใช้

หลังรัฐบาลย้ำจุดยืนกรณีกัญชา เพื่อการแพทย์เท่านั้นและ ไม่สนับสนุน กัญชาเสรี โดยเมื่อวานนี้ทางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการนำกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติด

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจร้านขายกัญชาในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเปิดขายกันจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว และได้พูดคุยกับ นายโรจกร เจ้าของร้านกัญชา ที่ถนนศศิธร อำเภอเมือง บอกว่า ตั้งแต่มีการเปิดขายกัญชาเสรีนั้น เขาได้เปิดร้านมา 2 ปีแล้ว ซึ่งเขามองว่าถ้าหากรัฐบาลไม่มีการเปิดกัญชาเสรีแล้วและได้มีการบรรจุกลับไปเป็นยาเสพติดตามเดิมนั้นตัวเขาเองคงลำบากอาจได้รับผลกระทบหลายด้าน

ซึ่งตนเองเป็นทั้งผู้ค้าและผู้เสพด้วย คิดว่าต้องมีปัญหาหลายด้านทั้งการจำหน่ายและการเสพซึ่งถ้ามีการควบคุมจริงเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปเพราะเงินที่ลงทุนไปก็มากอยู่เพราะกัญชาที่ซื้อมาก็มาจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้วย พวกนั้นก็ต้องขาดรายได้ไปด้วย อย่างไรก็ตามต้องการฝากไปยังรัฐบาล ถ้าหากต้องดำเนินการจริงช่วยหาทางออกให้กับผู้ประกอบการด้วย เพื่อที่ได้ไม่ต้องไปหาอาชีพใหม่

เช่นเดียวกับ นายพจร เจ้าของร้านกัญชา ย่านสันติธรรม บอกว่า ถ้าหากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น ร้านเขาต้องได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะเปิดร้านมานาน 3 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ร้านเป็นคนทำงาน และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง ต้องใช้กัญชาในการรักษาโรค ไม่ได้จำหน่ายให้เด็กหรือเยาวชนทั่วไป จะมีการใช้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งถ้าหากจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด อยากให้ทางรัฐบาลช่วยหามาตรการอย่างไรก็ได้เพื่อให้ร้านกัญชาที่เคยเปิดถูกต้องและอยู่ในระบบนั้นสามารถเปิดขายได้เหมือนเดิมไม่ต้องการให้ถึงกับต้องปิดหรือไม่ให้ขายเลย โดยมองว่าถ้าหากทำแบบนั้นจะทำให้คนที่จำเป็นต้องใช้ลำบากและอาจมีการลักลอบใช้ใต้ดินกันเพิ่มขึ้นด้วยอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา

สำหรับร้านขายกัญชาในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่มีการเปิดการกัญชาเสรีนั้น ข้อมูลจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีการขอใบอนุญาตในการเปิดร้านขายกัญชาทั้งหมด 800 แห่ง