สังคม

โซเชียลเสียงแตก! ไรเดอร์หนีด่านตรวจหมวกกันน็อก ตร.วิ่งไล่ตามกระชาก ผู้โดยสารร่วง จยย.หัวฟาดพื้น

โดย petchpawee_k

13 มิ.ย. 2568

248 views

ตำรวจ สน.ปทุมวัน วิ่งตามไรเดอร์ ที่ยูเทิร์น ก่อนไล่กระชากรถ จนผู้โดยสารสาวที่ซ้อนท้ายตกหัวฟาดพื้น นอนแน่นิ่งกลางถนน ด้านหนุ่มไรเดอร์-ผู้โดยสารสาว ไม่ยอมเข้าแจ้งความเอาผิดตำรวจ

ภายหลังพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 122 กำหนดบทลงโทษใหม่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนโดยสาร ต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายขณะขับขี่ โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ในส่วนของผู้โดยสารหากไม่สวมหมวกกันน็อก ส่วนผู้ขับขี่จะมีโทษปรับเป็น 2 เท่า คือ 4,000 บาท เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจในหลายพื้นที่ต่างตั้งด่านตรวจกัน เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้รถใช้ถนน


วานนี้ (12 มิ.ย.) เพจ ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6’ โพสต์คลิปกล้องหน้ารถ พร้อมข้อความว่า “คลิปนี้ให้เสมอกัน ตำรวจก็ปฎิบัติหน้าที่ แต่อาจจะไม่เหมาะสม อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะหยุด ตำรวจ สน.ปทุมวัน ไม่ตั้งด่าน วิ่งตามกระชากรถมอเตอร์ไซต์แกร็ป จนผู้โดยสารเกิดอุบัติเหตุหัวกระแทก ต้องเข้าโรงพยาบาล ผู้เสียหายคือหัวหน้าผมครับ หน้า MBK”


โดยคลิปวิดีโอ จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไปดักหน้ารถจักรยานยนต์ที่กำลังจะยูเทิร์น ก่อนพยายามคว้ารถจักรยานยนต์ แต่ไปกระชากถูกผู้โดยสารสาวที่ซ้อนท้ายอยู่ จนรถเกิดเสียหลักทำให้ผู้โดยสารร่วงจากรถ หัวกระแทกพื้น นอนแน่นิ่งบนท้องถนน ส่วนตำรวจที่ล้มลงไปเช่นกัน ได้ลุกขึ้นมาได้และพยายามหยุดรถจักรยานยนต์ให้ได้

 นอกจากนี้มีคลิปหลังเกิดเหตุซึ่งมีผู้ถ่ายคลิปไว้ จะเห็นผู้โดยสารสาวนอนได้รับบาดเจ็บอยู่กลางถนน มีคนตะโกนถาม “พี่เป็นอะไรมั้ยครับ ”


เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ถูกตั้งคำถามเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่า จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ การเข้าไปจับกุม รั้ง กระชาก ถูกต้องตามหลักแล้วหรือไม่ อย่างเช่นเคสนี้ตำรวจทำผู้โดยสารบาดเจ็บหนัก ใครจะรับผิดชอบ


วานนี้ (12 มิ.ย.) ทีมข่าวไปที่ สน. ปทุมวัน พบทั้งไรเดอร์คนขี่ จยย. อายุ 36 ปี และหญิงผู้โดยสาร รวมถึงพี่ชายผู้โดยสารได้เดินทางไปที่ สน. ปทุมวัน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี เอาผิดกับนายตำรวจภายในคลิป


พี่ชาย ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า น้องสาวเป็นผู้โดยสาร ซ้อนท้าย จยย.ไรเดอร์ ซึ่งเรียกรถจากแยกสามย่าน เพื่อไปพญาไท พอขี่ไปถึงจุดเกิดเหตุ (หน้า MBK) สังเกตเห็นมีตำรวจจราจรยืนอยู่ไม่กี่คน ไม่ได้มีการตั้งด่านเป็นกิจลักษณะและด่านดังกล่าวมีการตรวจจับเกี่ยวกับผู้ที่ไม่สวมใส่หมวกกันน็อค ซึ่งชายคนขี่ไรเดอร์สวมใส่หมวกกันน็อค แต่คนซ้อนซึ่งเป็นน้องสาวของตน ไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อค พอถึงจุดตรวจทำให้คนขี่ไรเดอร์ตัดสินใจขี่รถหนีตำรวจ ตำรวจจึงได้วิ่งตามจับก่อนจะกระชากน้องสาวของตนหล่นลงมาจากรถจักรยานยนต์ ทำให้น้องสาวได้รับบาดเจ็บศีรษะมีอาการบวมช้ำ หัวไหล่มีรอยถลอกช้ำ ส่วนคนขี่ไรเดอร์ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าเป็นแผลถลอก


ส่วนตำรวจคนดังกล่าวตนทราบว่าเป็นคนเรียกรถพยาบาลให้กับน้องสาว และคนขี่ไรเดอร์  นอกจากนี้ยังมีผู้บังคับบัญชาได้โทรศัพท์ไปหานายตำรวจคนดังกล่าวให้เข้ามาขอโทษน้องสาวรวมถึงคนขี่ไรเดอร์ที่ สน.ปทุมวัน เบื้องต้นเขาได้มาขอโทษแล้ว แต่ตอนนี้ตนเองและน้องสาวจะแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจนายนี้ ส่วนไรเดอร์ ตนและน้องสาวไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุเขาก็อยู่กับน้องสาวมาโดยตลอดยอมรับผิดพร้อมบอกว่าจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับน้องสาว


ส่วนตัวมองว่าทุกคนก็ผิดกันหมด แต่ผิดก็ว่าไปตามผิด ให้เป็นไปตามกฏหมาย ทั้งนี้มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาคุยกับตนแล้ว แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร ตำรวจให้ข้อมูลว่าเป็นการตั้งด่านจราจร ตรวจสอบผู้ไม่ใส่หมวกกันน็อค และเห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุที่ซึ่งหน้าจึงเข้าระงับเหตุ


อย่างไรก็ตามอยากฝากว่า ทั้งคนขับและคนซ้อนจะต้องระมัดระวังตัวเองให้ดี จะต้องมีหมวกกันน็อคทั้ง 2 ใบ และผู้ซ้อนควรเรียกร้องหมวกกันน็อกจากผู้ขี่ หากไม่มีก็ควรไม่ขึ้นรถไปเพื่อป้องกันความปลอดภัย ในส่วนของตำรวจก็อยากจะให้มองว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมันเกินกว่าเหตุหรือไม่

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าหนุ่มไรเดอร์ถูกแจ้ง ไรเดอร์เสียค่าปรับ1,500 1.ไม่จัดหมวกกันน็อคให้ผู้โดยสาร 2.ฝ่าไฟแดง 3.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานหยุดรถ 4.ไม่พกใบขับขี่ในขณะเจ้าหน้าที่เรียก ขณะที่ผู้เสียหายต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับนายตำรวจคนดังกล่าวแต่ยังไม่สามารถแจ้งความได้ พนักงานสอบสวนจะให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันเอาไว้ แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม


ต่อมา พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เผยว่า ได้ประสานกับทางโรงพยาบาล เพื่อส่งตัวผู้บาดเจ็บไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด ในเรื่องของการขับขี่จนเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ ต้องรอผลการตรวจร่างกายจากทางโรงพยาบาล เบื้องต้นได้มีการบันทึกการให้ปากคำไว้แล้วระหว่างรอผลการตรวจ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัตินั้น จะมีความเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใดต้องไปดูหลักฐานในส่วนอื่นและกล้องวงจรปิดก่อน


ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็พยายามปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายด้วยความตั้งใจและเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นต้องไปดูสาเหตุว่าเกิดจากจุดใด ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ  โดยช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ไม่ได้มีการตั้งด่านแต่เป็นช่วงเวลาของการตรวจวินัยจราจร ขณะนั้นตำรวจไม่ทราบว่าเป็นไรเดอร์ เพราะป้ายทะเบียนสีขาว ไม่มีการใส่เสื้อ หรือแสดงสัญลักษณ์อะไรบ่งบอกว่าเป็นไรเดอร์ มีการขับขี่ผ่าสัญญาณไฟแดง ณ จุดนั้น ตำรวจที่เห็นอยู่จึงแจ้งสกัดแต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร มีการกลับรถย้อนกลับมาทางสามย่าน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องแล้วยืนยันจะให้ความเป็นธรรม


https://youtu.be/Rg2QK_CXobQ

คุณอาจสนใจ

Related News