“ทนายชวภณ” ยื่นหนังสือร้องสอบแพทยสภา ปมแชทหลุดซัด “ทักษิณ”

“ทนายชวภณ” ส่งผู้แทนยื่นหนังสือถึง รมว.สธ. ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมกรรมการแพทยสภาบางคน ปมแชทแพทยสภาหลุด กล่าวถึงบุคคลที่ 3 มีอคติต่อการพิจารณาลงโทษ 3 รายที่เกี่ยวข้องกับการรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ

วันที่ 4 มิ.ย.68 นายวงศกร ไชยศรีหา เป็นผู้แทนนายชวภณ กมลคณาวุฒิ ทนายความ นำหนังสือร้องเรียนจริยธรรมแพทย์ มายื่นให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา โดยมีนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบหนังสือ

นายวงศกร ไชยศรีหา ทนายความระบุว่า วันนี้ทนายชวภณ กมลคณา ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมายื่นหนังสือด้วยตนเองได้ ตนเองจึงเดินทางมายื่นหนังสือแทน สาเหตุที่มายื่น เนื่องจากทนายชวภณ เห็นว่าแชทไลน์ของแพทยสภาที่หลุดออกไปและปรากฎในสื่ออยู่ขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม จึงมายื่นหนังสือให้ตรวจสอบ โดยทนายชวภณไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ สั่งเพียงให้ยื่นหนังสือให้ถึงมือผู้รับเท่านั้น

ส่วนประเด็นในรายรายละเอียดของหนังสือที่มายื่น ตนเองไม่ทราบ เพราะทำหน้าที่มายื่นหนังสือเท่านั้น โดยวันนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ ที่ส่งข้อความในไลน์กลุ่มแพทยสภาทั้งหมด 3 ที่ คือที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยื่นที่สำนักงานแพทยสภา และที่สุดท้ายคือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ด้านนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ กล่าวว่า ทนายชวภณ ได้ประสานเข้ามา จะเข้ามายื่นหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ให้ตรวจสอบจริยธรรมแพทย์กลุ่มหนึ่งที่มีการส่งแชทไลน์ในกลุ่มแพทยสภา ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขในฐานะเป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ จึงเป็นผู้ประสานงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบ เพื่อให้ตรวจสอบว่าผู้ที่ส่งข้อความในกลุ่มไลน์แพทยสภาเป็นผู้ใด

ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องอ่านในหนังสือที่ยื่นมาก่อน ว่าทนายความที่ยื่นหนังสือมานั้นมีจุดประสงค์ใดบ้าง แต่เท่าที่คุยเบื้องต้น เป็นการตรวจสอบในเรื่องจริยธรรมของคนที่ส่งข้อความในกลุ่มไลน์แพทยสภา ว่าเป็นกรรมการแพทยสภาหรือไม่ หากพบว่าเป็นกรรมการแพทยสภาก็ต้องตรวจสอบเรื่องความเหมาะสม และเหตุการณ์ส่งข้อความทางไลน์นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไรอย่างไร แต่เท่าที่ทราบทนายความได้ไปยื่นที่แพทยสภาด้วย ดังนั้นแพทยสภาก็มีหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ในส่วนของตนเองที่ได้รับข้อมูลมานั้น ก็มีตัวบุคคลยืนยันได้ว่าได้รับข้อมูลมาจากใคร ส่วนคนที่ส่งข้อมูลให้อดีตนายกฯทักษิณนั้น ก็ต้องไปสอบถามอดีตนายกฯทักษิณ ว่าได้รับข้อมูลมาจากใคร เพราะแชทไลน์ดังกล่าวสะท้อนถึงกระบวนการที่มีอคติ เพราะการจะวินิจฉัยใคร ต้องเป็นไปโดยไม่มีอคติ การอคติเป็นปัญหาในเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่

นอกจากการเป็นปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว เรื่องนี้จะไปถึงการละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย

ทั้งนี้กระบวนการตรวจสอบในเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยของแพทยสภาในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ถือว่าเป็นคนละส่วนกัน

ส่วนประเด็นคำถามของสื่อที่ระบุว่า หากพบว่าแพทย์ที่ส่งแชทไลน์มีความผิดเกี่ยวกับจริยธรรม แล้วจะทำให้มติลงโทษแพทย์ 3 ราย ถูกยกเลิกไปใช้หรือไม่ นายกองตรีธนกฤต ระบุว่าคนละส่วนกัน เพราะเรื่องที่ยื่นหนังสือร้องเรียนนี้ เป็นเรื่องจริยธรรมของแพทย์ ไม่เกี่ยวกับการลงมติ เพราะแพทย์ที่กระทำผิดอาจไม่เกี่ยวข้องกับการลงมติก็ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นแพทย์คนใด ต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริงก่อน แต่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแพทย์คนใดก็อาจต้องไปให้ตำรวจไซเบอร์ช่วยหาความจริงอีกทางหนึ่ง เพื่อตรวจสอบเส้นทางว่าใครเกี่วข้องบ้าง หรือแชทไลน์มาจากใคร ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขก็จะส่งเรื่องให้ตำรวจไซเบอร์ร่วมตรวจสอบด้วย

เมื่อถามว่าสังคมมองว่า ประเด็นการตรวจสอบแชทไลน์เป็นการดิสเครดิตแพทยสภาหรือไม่ นายกองตรีธนกฤตยืนยันว่าไม่ใช่การดิสเครดิต แต่ถามกลับว่าแพทย์ส่งข้อความในไลน์ทำทำไม เพราะเมื่อข้อเท็จจริงปรากฎสู่ธารณชนแล้วก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ในความเป็นจริงหากไม่ชอบใคร ก็ควรไปคุยกันส่วนตัว แต่กลุ่มที่ข้อความทางไลน์หลุดมานั้น เป็นกลุ่มที่มีอำนาจหน้าที่และเป็นกลุ่มที่มีส่วนได้เสียในการพิจารณา ดังนั้นไม่ใช่เป็นการดิสเครดิต แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นหมอมีต้นทุนทางสังคมสูง ควรจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง ควรเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะเป็นผู้นำองค์กรที่จะสร้างความเชื่อถือให้สังคม ดังนั้นควรวางมาตรฐานที่ดี ต้องจำเป็นบทเรียนว่าเรื่องแบบนี้จะเอามาล้อเล่นกันไม่ได้ ดังนั้นตรวจมาตรวจสอบตรงนี้

สำหรับประเด็นการลงโทษเรื่องจริยธรรมแพทย์นั้น เป็นหน้าที่ของแพทยสภา แต่ในเรื่องแชทไลน์ที่พบการปรากฎในสื่อนั้น มันเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ เช่น เข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือไม่ เพราะมีการเอ่ยชื่อถึงหลายคน ทั้งเอ่ยชื่อ อดีตนายกฯทักษิณ เอ่ยชื่อนายสมศักดิ์ เอ่ยชื่อถึงตัวนายกองตรีธนกฤตเอง รวมทั้งมีการเอ่ยชื่อถึงคนที่ถูกกล่าวโทษ ดังนั้นต้องไปดูว่าใครเสียหายบ้าง โดยให้ตำรวจเป็นผู้แสวงหาข้อเท็จจริง