“บุ๋ม ปนัดดา” ลุยเอาผิด! ถูกตัดต่อคลิปโฆษณาครีมเถื่อน มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

“บุ๋ม ปนัดดา” จะไม่ทน! ควง “ทนายเจมส์” แจ้งความเอาผิดโดนสินค้าประเทศเพื่อนบ้าน ตัดต่อคลิปการันตีสินค้าเครื่องสำอางเถื่อน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มี.ค.68 “บุ๋ม ปนัดดา” พร้อม “ทนายเจมส์“ เดินทางเข้าร้องทุกข์ แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม กรณีถูกนำภาพ คลิป และเสียงไปใช้กับสินค้าที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตัวของบุ๋มและทีมงานได้ทักตักเตือนไปแล้ว แต่ทางสินค้าและแพลตฟอร์มดังกล่าวยังคงเพิกเฉย และยังคงนำภาพไปแอบอ้าง โดยสินค้าตัวนี้เป็นของประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีคนไทยเคยไปร่วมไลฟ์สด จนเกิดความเข้าใจผิด และเสียหายเป็นวงกว้าง

บุ๋ม ปนัดดา เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า “วันนี้เดินทางมาแจ้งความ ที่มีสินค้าตัวหนึ่ง เอาทั้งหน้า ทั้งชื่อ แล้วก็เสียงของบุ๋มเอง จากพรีเซ็นเตอร์ตัวหนึ่งที่ร่วมวิจัยกันมากว่า 5 ปี กว่าจะมาเป็นครีมทาฝ้า ซึ่งเขาเอาไปใช้ทั้งดุ้นเลยค่ะ เป็นการเอาสินค้าของตัวเองมาสวม ซึ่งสินค้าตัวนี้มาจากประเทศใหญ่ แล้วสิ่งที่บุ๋มทนไม่ได้ คือการที่คนไทยมาไลฟ์ขายสินค้าตัวนี้ พอบุ๋มเข้าไปเมนต์ สรุปบล็อกบุ๋มอีกค่ะ พอเราโพสต์สาปแช่งลงในไอจี ก็ส่งข้อความมาขอโทษ แต่ก็ยังยิงแอดอีก 200 กว่าตัว มาวันนี้ก็จะเอาผิดกับคนที่ทำและยิงคลิป รวมไปถึงคนไทยที่ไลฟ์สด โดยภายในคลิปเขาเอาเราไปตัดต่อกับผลิตภัณฑ์ของเขา ซึ่งยืนยันว่าเป็นของปลอม แถมยังเอาหน้าเราไปแปะที่คลิป”

“ซึ่งตอนนี้ก็มีคนสั่งซื้อไปหลายชิ้นแล้ว เป็นระดับไฮโซ เป็นแม่ดารา เห็นว่าเป็นของบุ๋ม ปนัดดา ที่ช่วยเหลือสังคม เห็นไลฟ์ขายขนาดนี้ เลยช่วยซื้อ สรุปปลอมค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ก็มียี่ห้อที่เป็นตลับ ก็ปลอมเหมือนกัน และบุ๋มก็เสียหายทั้งชื่อเสียง รวมค่าเสียหายสำหรับมูลค่าของตัวเราเองก็เกือบๆ 20 ล้าน”

ด้าน “ทนายเจมส์” เผยว่า “ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามีมูลค่าความเสียหายจริง ตามตัวเลข 20 ล้านจริง ทางคู่กรณีต้องชดใช้ตามมูลค่า 20 ล้าน เช่นกัน เพราะคุณบุ๋มอาจจะสูญเสียโอกาสการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งวันนี้การเข้ามาแจ้งความ ต้องเอาตัวคนที่ไลฟ์ก่อน เพราะเรายังไปไม่ถึงคนที่ว่าจ้าง เราจะเอาคนที่ลงมือกระทำความผิดก่อน แล้วค่อยตามไปถึงคนที่ว่าจ้าง ตอนนี้ก็มีหลายเจ้าที่กระทำความผิดก่อน และขอฝากนิดนึงการขายออนไลน์ ซึ่งดารา อินฟลูฯ ก็โดน โดยการโอนเงินนั้น ต้องระวังนิดนึง บางแอปพลิเคชั่นก็ไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ ต้องไปสืบค้น เพราะว่าเงินพวกนี้ไม่รู้กระจายไปที่ไหน บริษัทเหล่านี้โกง 100% ครับ”

นอกจากนี้ ทนายเจมส์ เผยการนำคลิปภาพและเสียงบุ๋ม ปนัดดาไปตัดต่อการันตีสินค้าตัวอื่นลักษณะนี้ตนมองว่าเข้าข่ายนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อตรวจสอบดูพบว่ามีการส่งสินค้ามาให้ผู้บริโภคจริงแต่สินค้านั้นเป็นภาษาของประเทศอื่น ผิดกฎหมายเพราะการนำเข้าสินค้ามาจะต้องมีฉลากภาษาไทยกำกับ และไม่ทราบว่ามีการผ่าน อย.หรือไม่ การเอาบุ๋ม ปนัดดา มาตัดต่อให้คนเข้าใจผิดแบบนี้อาจเข้าข่ายลวงหรือหลอกขาย จะมีความผิดตาม ป.อาญาด้วยนอกเหนือจากการละเมิดฯ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายและจะดำเนินการตามกฎมายต่อไป