สังคม

ศาลปกครองสูงสุด แจงปม “พ.ต.อ.” พกโพยเข้าห้องสอบ ยันไม่ใช่โพยสอบตุลาการ

โดย JitrarutP

17 มี.ค. 2568

395 views

ศาลปกครองสูงสุด แจงยิบ กรณี “พ.ต.อ.” ถูกจับคาหนังคาเขาพกโพยเข้าห้องสอบ ยัน โพยสอบไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาลหรือคำตอบที่ใช้สำหรับตอบข้อสอบตุลาการ การออกข้อสอบเปลี่ยนไปทุกวัน ข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปภายนอกได้ ด้าน ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบช่วยราชการกอ.รมน.ทำหน้าที่อะไร และใช้เวลาราชการไปสอบหรือไม่

ศาลปกครองสูงสุดชี้แจงกรณีมีผู้สมัครสอบนำเอกสารเข้าไปในห้องสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้นซึ่งการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 นั้น ปรากฏมีผู้สมัครรายหนึ่งลักลอบนำเอกสารเข้าไปในห้องสอบ การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนแนวปฏิบัติในการเข้ารับการสอบข้อเขียนที่ผู้เข้ารับการสอบข้อเขียนทุกคนต้องถือปฏิบัติ

ตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง รายชื่อผู้เข้ารับการสอบข้อเขียนในการสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เอกสารที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมายต่าง ๆ โดยเอกสารดังกล่าวไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาลหรือคำตอบที่ใช้สำหรับตอบข้อสอบแต่อย่างใด

โดยการออกข้อสอบในแต่ละวัน ผู้ทำหน้าที่ออกข้อสอบจะดำเนินการออกข้อสอบในวันที่มีการสอบในช่วงเวลาก่อนที่ผู้สมัครจะเข้าสอบ และผู้ออกข้อสอบรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะไม่สามารถออกจากห้องออกข้อสอบได้รวมทั้งถูกตัดการสื่อสารในทุกช่องทางจนกว่าผู้สมัครจะเข้าสอบจนครบถ้วน หรือพ้นเวลาที่ผู้สมัครจะมีสิทธิเข้าห้องสอบ ข้อสอบจึงไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้

ทั้งนี้สำนักงานศาลปกครองจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผบ.ตร.สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่ โดยได้ประสานกับตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีที่ได้เข้าไปพบกับคณะตุลาการที่ควบคุมการสอบคัดเลือก และได้มีการพูดคุยกับนายตำรวจคนดังกล่าว ซึ่งคณะตุลการที่คุมสอบแจ้งว่าจะสรุปข่อเท็จจริงก่อนจะเสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เพื่อประสานไปยังสำนักงานศาลปกครองเพื่อให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนทางวินัย ได้สั่งการให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากพบว่าเป็นการทุจริตจริง และจะถือว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง รวมทั้งสั่งให้ตรวจสอบเรื่องการช่วยราชการที่กอ.รมน.ภาค4 เป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ และไปช่วยราชการในการทำหน้าที่อะไร รวมทั้งตรวจสอบว่าการไปสอบเป็นการเอาเวลาราชการไปสอบหรือไม่




คุณอาจสนใจ

Related News