ครูเกาหลีใต้เครียด แทงนักเรียนวัย 8 ขวบดับ พยายามจบชีวิตตาม

เกาหลีใต้ระทึก ครูแทงนักเรียนวัย 8 ขวบดับ ก่อนพยายามจบชีวิตตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ พบเป็นโรคซึมเศร้า มีพฤติกรรมรุนแรง แต่โดนค้านไม่ให้ลาหยุด

วันที่ 10 ก.พ. 2568 สำนักข่าว Yonhap รายงานว่า ครูหญิงวัย 40 ปี แทงนักเรียนหญิงวัย 8 ขวบเสียชีวิตที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองแทจอน ทางตอนกลางของประเทศเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ ตำรวจพบคนถูกแทง 2 คน ที่ชั้น 2 ของอาคารเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองแทจอน ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ 160 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากที่ผู้ปกครองของนักเรียนแจ้งว่านักเรียนหญิงรายนี้หายตัวไปจากชั้นเรียนศิลปะหลังเลิกเรียน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวนักเรียนหญิงรายนี้ส่งโรงพยาบาลในสภาพหมดสติ แต่ในเวลาต่อมาเธอเสียชีวิต ส่วนครูหญิงรายนี้ซึ่งถูกแทงที่คอและแขน ยังคงมีสติอยู่

ในเวลาต่อมา ตำรวจเปิดเผยว่าครูหญิงรายนี้สารภาพว่าได้ก่ออาชญากรรมดังกล่าว ระหว่างการสอบสวนในภายหลัง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า เธอเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายตนเองภายหลัง

นักเรียนรายนี้อยู่ที่โรงเรียนในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเพื่อไปคาบดูแลเด็กหลังเลิกเรียน ก่อนที่จะไปเรียนศิลปะแบบส่วนตัว

ครูคนดังกล่าวเข้ารับการผ่าตัดบาดแผลจากการถูกแทง และตำรวจจะสอบปากคำเธออีกครั้งทันทีที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นและหายเป็นปกติ

ทั้งนี้ สำนักงานการศึกษามหานครแทจอนและตำรวจรายงานว่า ครูคนดังกล่าวได้แสดงพฤติกรรมรุนแรง โดยเคยบิดแขนครูด้วยกันในวันที่ 6 ก.พ. 2568 มีครูรอบข้างเข้ามาขัดขวาง แต่ก็ไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ

มีรายงานว่าในเวลาต่อมาทางโรงเรียนได้แนะนำอย่างหนักแน่นให้ครูคนดังกล่าวลาพักงาน จากนั้นครูได้ลาเนื่องจากปัญหาสุขภาพจิต แต่กลับมาทำงานในเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว และทำงานเป็นครูสอนเฉพาะวิชา

เกี่ยวกับปัญหานี้ โรงเรียนได้แจ้งไปยังสำนักงานการศึกษามหานครแทจอนว่าจำเป็นต้องหาแนวทางแก้ไข แต่ไม่ได้รับการยอมรับ คณะกรรมการการศึกษาของเมืองแจ้งต่อโรงเรียนว่าหากยังมีบุคลากรจำนวนเท่าเดิม ครูไม่สามารถลาหยุดได้อีกต่อไป

ครอบครัวผู้สูญเสียวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าทางโรงเรียนและหน่วยงานการศึกษาไม่สามารถปกป้องเด็กได้ โดยพ่อของเด็กกล่าวว่า “ไม่สมเหตุสมผลเลยที่คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะกลับมาโรงเรียนและสอนหนังสือ รู้สึกว่าเขาฆ่าเด็กคนนั้นเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ โรงเรียนควรมีสำนึกเข้มแข็งในการรับผิดชอบ”