สังคม

ศาลยกฟ้อง คดี "อดีตอธิบดีรัชฎา" ฟ้อง “ชัยวัฒน์” แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งรับโทษ ปมรับส่วย 9.8 หมื่น

โดย kanyapak_w

19 พ.ย. 2567

308 views

ศาลยกฟ้อง คดี "อดีตอธิบดีรัชฎา" ฟ้อง “ชัยวัฒน์” แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งรับโทษ ปมรับส่วย 9.8 หมื่น ชี้เป็นการแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ได้แต่งเติม


ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายรัชฎา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐาน “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ”


โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อ เดือน เม.ย.2564 ถึงปัจจุบัน จำเลยได้กระทำผิดต่อโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ และกล่าวหาโจทก์มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยโจทก์มีคำสั่งโยกย้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท



หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว



โจทก์ระบุฟ้องอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2565 จำเลยยังได้วางแผนเข้ามาขอพบโจทก์แล้วกลั่นแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้องซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง เข้าพบโจทก์ ขณะเดียวกันจำเลยได้นำซองกระดาษสีขาวทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงิน จำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ



จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ผ่านไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าและค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้ง ให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญา



โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ บก.ปปป. ว่าจำเลย มีพฤติการณ์ เรียกรับเงิน ตำรวจ จึงวางแผนร่วมกันโดยบันทึกภาพธนบัตรจำนวน 9.8 หมื่นบาท ใส่ซองจำนวน 3 ซอง เพื่อให้จำเลย นำไป มอบให้กับ โจทก์ ในวันเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ช. และ ปปท. รวมถึงตำรวจ บก.ปปป. สังเกตการณ์อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อจำเลยนำเงินไปมอบให้กับโจทก์และส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ทราบ จึงเข้าทำการจับกุม และ ตรวจค้น พบเงินในซองเอกสาร 3 ซอง จำนวน 9.8 หมื่นบาท และค้นเจอเงินอีกจำนวนหนึ่งในห้องทำงาน


ขณะที่โจทก์ แย้งว่า การที่จำเลย กลั่นแกล้งสร้างพยานหลักฐานเท็จ เป็นเพราะโกรธเคืองเนื่องจาก จำเลยถูกตรวจสอบ เรื่องโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดเพชรบุรี



ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. เพราะเชื่อว่า มีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม อีกทั้งการเรียกรับสินบนต้องทำโดยปกปิดยากที่จะหาพยานหลักฐานในการตรวจสอบ แม้จำเลยจะเคยมีปัญหาเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนกับโจทก์ แต่จำเลยได้ไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจกล่าวหาโจทก์ให้รับโทษ


ส่วนเรื่องการทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ แม้ว่า จำเลยจะมีการรวบรวมเงินมาจริง แต่ก็เป็นการวางแผนจับกุมส่งมอบเงิน รับฟังได้ว่ามีเจตนาทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ ไม่ได้มุ่งหมายถึงโจทก์จึงไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาทโจทก์ “พิพากษายกฟ้อง”


ขณะที่นายชัยวัฒน์ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยนายชัยวัฒน์มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมเปิดเผยว่า ศาลได้ไล่เรียงเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่ฝ่ายตนมี ซึ่งมีลำดับขั้นตอน กรณี โจทย์ กล่าวหาว่าตนสร้างหลักฐานเท็จ สร้างพยานเท็จ ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่มีมูลความจริงให้ศาลรับฟังได้ เพราะเรื่องราวขั้นตอนทั้งหมดมีการรับเงินจริง


สำหรับคำพิพากษาของศาลวันนี้ ทำให้ฝ่ายตนในฐานะจำเลย ได้หลักฐานเพิ่มเติมขึ้น เนื่องจากสิ่งที่โจทย์นำมาเบิกความต่อศาลเป็นประโยชน์กับฝ่ายตน พร้อมยืนยันจะไม่ฟ้องกลับนายรัชฏา แต่จะขอคัดสำเนาคำพิพากษาเพื่อนำไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม


นายชัยวัฒน์ ยังระบุว่าขณะนี้ยังมีคดีที่ตนฟ้องร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในศาลอีกหลายคดี ยืนยันจะต่อสู้ทุกคดี เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต


สำหรับนายรัชฎา วันนี้ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาได้มอบหมายให้ทนายมาฟังแทน



คุณอาจสนใจ

Related News