เลือกตั้งและการเมือง

“รักชนก” เปิดศึก “ชัยวัฒน์” หลังโพสต์อัด สส.ร่างนิรโทษกรรมยกที่ให้เขมร ลั่นพร้อมขุดเหมือนกัน

4 ต.ค. 2568

2.1K views

เดือด! “ไอซ์ รักชนก” เปิดศึก “ชัยวัฒน์” หลังโพสต์ สส.ไทยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยกที่ดินให้ “กัมพูชา”ย้อนทำงานกับ “สุชาติ” แล้วมาไม้นี้เหรอ ท้าเปิดชื่อมาได้เลยพร้อมขุดกลับ ขณะที่ “ชัยวัฒน์” ระบุพร้อมกางชื่อ สส. 2 พรรค

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2568 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะคณะที่ปรึกษานายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรฯ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. ....

โดยระบุว่า “พ.ร.บ.นี้ น่ากลัวกว่าที่คิด ชาวบ้านคนไทยรอมานานกว่า 40 ปี หวังจะได้กลับเข้าไปทำกิน บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว แต่ สส.ไทยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยกที่ดินให้ ‘เขมร’ ..เวรกรรม..” โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ข้อความจำนวนมาก รวมทั้งสอบถามว่าเป็น สส.พรรคการเมืองไหน ซึ่งนายชัยวัฒน์ ตอบว่า เดี๋ยวจะเปิดชื่อให้เห็นทั้ง 2 พรรคการเมือง

ทั้งนี้ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เข้ามาคอมเมนต์ข้อความของนายชัยวัฒน์ ระบุว่า “จะใส่ร้ายอะไรใครอีกหรอคะ จะเอาเขมรมาอ้างโจมตีใครอีก ถ้าจะเอ่ยชื่อใคร เอ่ยเลยนะคะ พร้อมขุดเหมือนกัน ตอนนี้ทำงานร่วมกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น เลยต้องมาไม้นี้หรอคะ พร้อมนะ”

ขณะที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มูลนิธิสืบฯ ขอแสดงความกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ดิน-ป่าไม้ ข้อห่วงกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. .... และร่าง พ.ร.บ.ยกเว้นความผิดให้แก่บุคคลที่ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านป่าไม้และที่ดิน พ.ศ. ....

เรียน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหาย หรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. .... พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มูลนิธิสืบนาคะเสถียรในฐานะองค์กรที่ทำงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่า แต่ขณะเดียวกันมูลนิธิฯมีการดำเนินงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อีกด้วย จึงขอแสดงความเป็นกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ฯ และร่าง พ.ร.บ. ยกเว้นความผิดให้แก่บุคคลฯ อีกทั้งอยากเห็นการแก้ไขปัญหาราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จากภาครัฐอย่างจริงจัง จริงใจ เพื่อให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมทุกมิติ

โดยขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎรฯ ทบทวนร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับดังกล่าว โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้ 1. หลักการในประเด็นที่ร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับอ้างถึง “การประกาศเขตป่าหวงห้ามที่ครอบคลุมที่ดินที่มีเนื้อที่จำนวนมาก ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมที่มีจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ... จึงสมควรทำการนิรโทษกรรมและล้างมลทินให้แก่ประชาชน...” ซึ่งหากวิเคราะห์ประเด็นดังกล่าวเป็นการมองภาพในมิติเดียวคือชุมชนในพื้นที่ แต่การกำหนดตัวเลขป่าที่ควรมีในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์มีพื้นฐานจากการคำนวณตามหลักวิทยาศาสตร์ในเรื่องนิเวศบริการให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้นการมองภาพเพียงแค่มิติเดียวอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ตัวเลขพื้นที่ป่ามีแต่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

2. ช่วงเวลานิรโทษกรรมการกำหนดระยะเวลาที่ย้อนหลังไปจนถึง พ.ศ.2497 ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหากับกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ แต่ประเด็นที่น่ากังวลที่สุดคือการระบุขอบเขตระยะเวลาให้การนิรโทษกรรมมีผลไปจนกว่าร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้จะประกาศบังคับใช้ ซึ่งอาจเป็นช่องว่างให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมจากผู้ไม่สุจริตได้ 3. ผู้เข้าข่ายที่ได้รับการนิรโทษกรรม ร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับ ไม่ได้ระบุถึงแนวทางในการตรวจสอบคุณสมบัติหรือพิสูจน์สิทธิบุคคลที่ควรได้รับการนิรโทษกรรมไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังรวมไปถึง ตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำความผิด หรือผู้ถูกใช้ ซึ่งอาจทำให้ตีความได้ว่าจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน หรือผู้มีอิทธิพล ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มมากขึ้น

เนื่องจากการจับกุม ดำเนินคดี กรณีที่ดินป่าไม้ในพื้นที่รัฐทั่วประเทศ เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะช่วงที่มีนโยบายทวงคืนผืนป่า ทำให้มีคดีความเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำนวนคดีเหล่านี้ มีตั้งแต่อยู่ในชั้นสอบสวน อัยการ ศาล และมีส่วนที่ผลการตัดสินสิ้นสุดลงแล้ว และผู้กระทำความผิด มีความหลากหลายกลุ่ม เช่น ประชาชนที่เป็นผู้ยากไร้ ผู้ที่เจตนาตั้งใจบุกรุกจริง นายทุนทั้งในชุมชนและภายนอก ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ฯลฯ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จึงขอเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ นำร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาทบทวนประเด็นปัญหาตามข้อเท็จจริงและระบุกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน สำหรับผู้ที่ควรได้รับประโยชน์หรือได้รับการผ่อนผันตามนโยบายของรัฐ ด้วยหลักวิชาการ สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากสาธารณะทุกมิติ เช่น นิเวศวิทยา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลักเกณฑ์คุณสมบัติที่เหมาะสมของผู้ที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาหรือการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐ อย่าง “เป็นจริง เป็นธรรม และเป็นไปได้” เพื่อให้พื้นที่ป่าควรได้รับความคุ้มครองให้เป็นบ้านของสัตว์ป่าและสามารถที่จะอำนวยประโยชน์ให้กับคนทั้งประเทศต่อไป

อ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. ....โดยนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล จากพรรคประชาชน : https://www.seub.or.th/seubweb/wp-content/uploads/2025/10/ร่าง-พรบ.นิรโทษกรรมคดีป่าไม้เลาฟั้ง.pdf

อ่านร่าง พ.ร.บ.ยกเว้นความผิดให้แก่บุคคลที่ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านป่าไม้และที่ดิน พ.ศ. ....โดยนายซูการ์โน มะทา จากพรรคประชาชาติ : https://www.seub.or.th/seubweb/wp-content/uploads/2025/10/ร่าง-พรบ.ยกเว้นความผิดคดีด้านป่าไม้ซูการ.pdf

คุณอาจสนใจ

Related News