สังคม

'ทนายตั้ม' ขึ้นศาลนครพนม คดีสหายแสงฟ้องหมิ่นเรียก 30 ล้าน ก่อนปลอมตัวหลบสื่อ

โดย nattachat_c

9 ชั่วโมงที่แล้ว

8 views

'ทนายตั้ม' ชิ่งหนีสื่อ หลังมาขึ้นศาลนครพนม คดีสหายแสง ฟ้องหมิ่นเรียก 30 ล้าน ลั่นไม่มียอมความ เผยทนายดังมานครพนม ตั้งแต่ 30 ต.ค. แล้ว


วานนี้ (31 ต.ค. 67) เวลา 09.30 น. ที่ศาลจังหวัดนครพนม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ 'ทนายตั้ม' เลขาธิการมูลนิธิ ทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดนครพนม เพื่อขึ้นเบิกความในฐานะจำเลย ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1316/2566 โดยศาลได้นัดสืบพยานจำเลย ระหว่างนายธนบวร สิริคุณากรกุลที่ 1 นายศุภชัย โพธิ์สุ ที่ 2 และนางสาวศุภพานี โพธิ์สุ ที่ 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางสาวช่อฉัตร หรือช่อ โตชูวงศ์ ที่ 1 กับ นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ 2 เป็นจำเลย ในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท


คดีนี้ นายศุภชัย พร้อมพวก เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายษิทรา ทนายความชื่อดัง และ น.ส.ช่อฉัตร นักธุรกิจน้ำยางพารา ในข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยคำฟ้องระบุพฤติกรรมสรุปว่า จำเลยทั้ง 2 แถลงข่าวที่มีเนื้อหาเป็นเท็จ และสร้างความเสียหายให้แก่โจทย์ทั้ง 3 ซึ่งมีผลทำให้โจทย์ทั้ง 3 เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้ง ยังทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง


ในคำขอท้ายฟ้อง โจทย์ทั้ง 3 ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 328 พร้อมได้เรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 30 ล้านบาท โดยในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยได้ขอเจรจาไกล่เกลี่ย แต่โจทย์ทั้ง 3 มีความต้องการที่จะปกป้องศักดิ์ศรี และชื่อเสียงของตนเป็นสำคัญ จึงไม่ยอมความ ซึ่งศาลประทับรับฟ้อง เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2567 และนัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 10 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา


ซึ่งเมื่อวานนี้ (31 ต.ค. 67) มีเพียงฝ่ายจำเลยเท่านั้นที่เดินทางมาขึ้นศาล เพราะก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว ขณะที่ รศ.ธนบวร โจทย์ที่ 1 เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ยังมีอีกหลายคดีที่ตนเป็นผู้เสียหาย และได้ดำเนินคดีกับนายษิทรา และ น.ส.ช่อฉัตร โดยตนเองต้องการให้ทั้งคู่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นกติกาของสังคมที่ทุกคนต้องยอมรับ ไม่มีใครเป็นอภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมาย


ทางด้านทนายตั้ม ก่อนหน้านี้ ได้ท้าสหายแสง หรือนายศุภชัย โพธิ์สุ ให้ฟ้องศาลได้เลย ตนไม่กลัว พร้อมลั่นไม่มีวันขอโทษ


ทั้งนี้ นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ไม่ได้เดินทางมาขึ้นศาลได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า คดีนี้ตนต้องการทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนและครอบครัว ที่ถูกนำไปกล่าวพาดพิงจนเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นการที่จำเลยไปกล่าวอ้างว่าโจทย์ที่ 1 เป็นภรรยากับลูกสาวของตน ทั้ง ๆ ที่โจทย์ที่ 1 มีภรรยาอยู่แล้ว ทำให้ลูกสาวตนได้รับความเสียหาย การที่จำเลยแถลงข่าวต่อสาธารณชนในประเด็นที่ไม่มีมูลความจริงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง พวกตนจึงต้องลุกขึ้นมาปกป้องศักด์ศรีของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา ในชั้นพิจารณาของศาลทางจำเลยขอเจรจายอมความมาตอลอดแต่พวกตนไม่ยอม โดยจะต้องทำคดีนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตนเอง


มีรายงานว่า ทนายตั้มได้เดินทางมาที่ จ.นครพนม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา และ เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ศาลจังหัดนครพนม ได้นัดสืบพยานจำเลยหลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยศาลได้นัดขึ้นที่ บัลลังก์ 1 ชั้น 2 ทนายตั้มเดินทางมาด้วยรถยนต์กระบะ 4 ประตูถึงศาลจังหวัดนครพนม ในช่วงเช้าโดยหลบขึ้นประตูข้างและขึ้นทางประตูด้านหลังศาล ก่อนเวลา 10.00 น. โดยหลอกให้ผู้สื่อข่าวไปรอเก้อที่สนามบินนครพนม ซึ่งมีรายงานข่าวว่าทนายตั้มจะเดินทางมาด้วยเที่ยวบินช่วงเช้าแต่เมื่อถึงเวลากลับไร้เงาทนายตั้ม ที่สนามบิน


ทันทีที่ ทนายตั้มพบหน้าผู้สื่อข่าว ที่หน้าบัลลังก์ 1 ทนายตั้ม กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “พวกคุณไปรอผมที่บันไดทางขึ้นหน้าศาล ผมเสร็จเที่ยง” แล้วขอตัวเข้าห้องพิจารณาคดีทันที


หลังจากเสร็จสิ้นการขึ้นให้การในศาล ทนายตั้ม และคณะ ก็แอบหลบหนีผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์อยู่บริเวณทางออก โดยทั้งหมดปลอมตัวปะปนไปกับชาวบ้านที่เดินทางมาขึ้นศาล จนสามารถหลุดรอดจากสายตาของผู้สื่อข่าวนับสิบสำนักที่มารอทำข่าว  และหลบออกจากศาลไปได้โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับนักข่าว


เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทราบว่า ทนายตั้มได้หลบลงจากศาล โดยไม่ทราบว่าออกทางประตูด้านไหน เชื่อว่าแอบขึ้นรถยนต์เก๋ง ออกไปทางด้านหลังศาลจังหวัดนครพนม เพื่อเลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อ ทั้งที่มีการนัดหมายไว้แล้ว นอกจากนี้ ทางทีมผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ แต่ถูกตัดสาย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/2GEN_DqvUqk


คุณอาจสนใจ

Related News