สังคม

ขอวัดกันในชั้นศาล! 'ทนายตั้ม' ไม่หนักใจ คดีฉ้อโกง' มาดามอ้อย' 71 ล้าน ลั่นถูกโฉลกกับคนถูกรางวัลใหญ่

โดย nattachat_c

29 ต.ค. 2567

24 views

รอง ผบช.ก. ปัดตอบกระแสข่าวสอบปากคำ 'เจ๊อ้อย' นอกสถานที่หรือไม่ แจงขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวนยืนยันทำคดีตรงไปตรงมา ทนายเผยเจ๊อ้อยยังไม่ได้รับการประสานจากทนายตั้ม หลังมีกระแสข่าวขอเคลียร์ ด้าน ‘ทนายตั้ม’ ไม่หนักใจ ‘เจ๊อ้อย’ แจ้งความคดีฉ้อโกง 71 ล้าน เตรียมหลักฐานสู้ในชั้นศาล ยืนยันยังไม่มีความคิดฟ้องกลับหรือดำเนินคดีใด ๆ กับเจ๊อ้อยแน่นอน ไม่มีการติดต่อไปขอเจรจาไกล่เกลี่ย

จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ 'ทนายตั้ม' เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ถูกนางจตุพร หรือ มาดามอ้อย เศรษฐินี ใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ประเทศฝรั่งเศส แจ้งความเอาผิดในฐานฉ้อโกง 71 ล้านบาท เนื่องจากอ้างว่าถูกหลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น ซึ่งล่าสุดมีการโอนสำนวนคดีจาก สภ.ปากช่อง มาอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามแล้ว


วานนี้ (28 ต.ค. 67) พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้าของคดี ว่า เบื้องต้น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้รับสำนวนแล้ว และพิจารณาเห็นว่าความผิดอยู่ในอำนาจการสอบสวน ของกองบังคับการปราบปราม จึงได้ส่งต่อให้กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามทำคดี


ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบปากคำ 'เจ๊อ้อย' นอกสถานที่นั้น พลตำรวจตรีสุวัฒน์ ยืนยันว่า การสอบสวนสามารถสอบปากคำที่ไหนก็ได้ เพราะฉะนั้น ก็อยู่ที่พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่า พยานสะดวกเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเองหรือไม่ ถ้าไม่สะดวก และต้องการให้ตำรวจเข้าไปสอบปากคำที่อื่น ก็พร้อมดำเนินการให้ทั้งหมด จึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ส่วนรายละเอียดขอไม่ลงลึก


ส่วนสาเหตุที่โอนคดีนี้มาให้ตำรวจกองปราบฯ ทำนั้น ส่วนตัวเชื่อว่า กองบังคับการปราบปราม มีอำนาจในการสอบสวนในคดีที่มีความยุ่งยาก และสลับซับซ้อน ประชาชนให้ความสนใจ และสุดท้ายคือผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายมา จึงเข้าเกณฑ์หลายข้อ ซึ่งยืนยันว่า จะทำทุกอย่างให้เกิดความละเอียด จะดำเนินการตามหลักฐาน และให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหาย หรือผู้ถูกกล่าวหาก็ตาม จะไม่ดำเนินการตามกระแสสังคม หรือตามใจตัวเอง


ทีมข่าวสอบถามไปที่ นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของ นางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ 'เจ๊อ้อย' นักธุรกิจเศรษฐีหมื่นล้านถึงการเข้ามาพบตำรวจ ทนายความ บอกว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ๊อ้อยว่า จะเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางหรือไม่ ยืนยันว่า เจ๊อ้อยยังไม่ได้รับการประสานงานจากทนายตั้ม หลังมีกระแสข่าวว่าจะขอเข้าเคลียร์ ซึ่งตนเองก็ยังไม่ทราบ และยืนยันว่า เจ๊อ้อยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ โดยเรื่องคดีความก็ยังรอพนักงานสอบสวนเรียกเข้ามาให้ปากคำ ซึ่งจะเน้นการดำเนินคดีในข้อหา 'ฉ้อโกง'


ในวันเดียวกัน เวลา 09.53 น. เพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ โพสต์คลิปปล่อยทีเซอร์ ระบุแคปชั่นว่า "เปิดสัมภาษณ์พิเศษ ที่นี่เท่านั้น ความจริงมีหนึ่งเดียวจากปาก “พี่อ้อย” ผู้เสียหาย และผู้ช่วย จะมาเปิดหน้าชน พร้อมพยานหลักฐาน 71 ล้าน ให้โดยเสน่หา หรือว่าฉ้อโกงกันแน่ พลาดไม่ได้เด็ดขาด มีอีกหลายเรื่อง จะทยอยเปิดคลิปเเต่ละประเด็นมาให้รับชม ที่นี่ที่เดียว คุยทุกเรื่องกับสนธิ"


ในคลิปตัวอย่าง มีเสียงของมาดามอ้อยว่า “จ้างเดือนละ 300,000 บาท แต่ไม่ได้โอนเข้าบัญชีเขา / ปีหนึ่งบอกยกเลิก เพราะเขาก็ไม่ทำอะไรให้เลย / เขาไปกราบบอกขอบคุณ ถ้าไม่มีพี่ ผมแย่มาก ผมต้องผิดคำพูดผู้หลักผู้ใหญ่ / อะไรของเขาไม่รู้


มาดามอ้อย ยังบอกว่า ทั้งหมดก็เงินพี่อ้อยนี่แหละทุกอย่าง บิสสิเนสคลาสไปเที่ยว / ล่าสุดก่อนที่จะแตกแยกกันคือไปเที่ยวฟินแลนด์ เก็บความรู้สึกไว้เรื่องรถเบนซ์ ก็ 13 ล้านบาท เบิกจากน้อย (เลขา) ไป 13 ล้านบาท / เขาบอกรถราคา 13 ล้านบาท เป็นรถเบนซ์จี-400 / บอกให้เลขาตามเล่มรถให้หน่อย เพราะรถซื้อมาเป็นเดือนๆ จะเป็นปี เล่มรถยังไม่ได้ ทางนี้ก็ไปสืบเสาะที่ศูนย์ เขาบอกว่ามันยังจ่ายไม่หมด อย่าให้เล่าเลยเรื่องนี้ฉุนมาก”


ต่อมา เวลา 15.00 น. มาตามนัด เฟซบุ๊ก “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” โพสต์คลิปสัมภาษณ์ “มาดามอ้อย และ เลขาน้อย” โดยใช้ชื่อว่า จุดเริ่มต้นที่มา ทนายเสน่หา 71 ล้าน EP.1 เปิดที่มา จากปากผู้เสียหาย รู้จัก “ทนายตั้ม” ก่อนโดนต้ม สูญเงิน 71 ล้าน พร้อมลากไส้ กินหรูอยู่แพง ค่าใช้จ่ายออกให้ทุกอย่าง

ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ 'ทนายตั้ม' ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในคดีที่ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล หรือ ลุงจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ครูปรีชา เจ๊พัช และเจ๊บ้าบิ่น ในความผิดฐานร่วมกันเบิกความเท็จ ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ 28 ต.ค. 2567 เวลา 10.00 น.


โดยทนายตั้ม กล่าวถึงคดีที่ตนเองถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท จากพี่อ้อย เศรษฐีนีชาวไทยที่อาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยทนายตั้ม กล่าวว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกหนักใจในคดีนี้แต่อย่างใด และยังคงยืนยันตามข้อเท็จจริงที่เคยให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนไป โดยในขณะนี้ อยู่ในระหว่างให้ทีมงานของ บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม เก็บรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ สำหรับใช้พิสูจน์ความจริงต่อสู้คดีในชั้นศาล ยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจหรือกังวลใจใด ๆ เกี่ยวกับคดีนี้


ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ว่า ตนเองชอบวงเงินจำนวน 71 ล้านบาท จากพี่อ้อยนั้น ตนก็คงไม่มีอะไรจะฝากไปถึง ก็ขอให้รอดูการพิสูจน์ความจริงในกระบวนการของกฎหมายต่อไป ในส่วนตัวพี่อ้อยนั้น ตนยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้มีการติดต่อไปเพื่อขอเจรจา หรือไกล่เกลี่ยใด ๆ ทั้งสิ้น ตนยืนยันว่า ตอนนี้ ยังไม่มีความคิดที่จะฟ้องกลับ หรือดำเนินคดีใด ๆ กับพี่อ้อยอย่างแน่นอน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันว่าเงินจำนวน 71 ล้านบาท ที่ได้มาเป็นเงินจากความเสน่หาหรือไม่ ทนายษิทรา ตอบว่า อย่างที่ผมให้สัมภาษณ์ทุกอย่าง ออกรายการผมไม่กล้าไปโกหกผ่านสื่ออยู่แล้ว และผมเป็นทนายความ ผมทำอะไรทุกอย่างผมมีหลักฐาน


เมื่อถามต่อว่า เสน่หาแบบใดที่เจ้าของเงินแจ้งความในข้อหาฉ้อโกง ทนายษิทรา ตอบว่า อันนี้ ผมไม่ทราบ ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่า สิ่งที่เขามาดำเนินคดีผมเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เดี๋ยวเค้าคงไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผมบอกก่อนเลยว่า ผมไม่รีบไปให้การ เพราะผมกลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเวลาทำงานน้อย ถ้าผมไปมอบตัวเร็ว เดี๋ยวคดีมันจะได้แค่ 4 ผัดแค่นั้น โดยผมจะรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกถึงจะไป


ผมไม่มีการติดต่อไป บอกตรงนี้เลย ผมไม่เคยติดต่อไปทั้งทางคนใกล้ตัวเขา ทางเลขาฯ เขา หรือตัวของพี่อ้อยเอง ผมไม่มีการติดต่อไป ณ เวลานี้


ถามต่อว่าอยากอยากฝากอะไรถึงคุณอ้อยบ้าง ทนายษิทราตอบว่า ต้องบอกอย่างนี้ว่าตัวตนถูกโฉลกกับคนที่ถูกรางวัลใหญ่ๆ อย่างที่ตนเป็นทนายให้กับหมวดจรูญในคดีหวย 30 ล้าน ทำให้ตนมีชื่อเสียง อย่างพี่อ้อยก็ถูกรางวัลใหญ่ที่ต่างประเทศ ก็ให้เงินให้ทองตน ตนก็ถูกโฉลกกับคนแบบนี้แหละ เอาง่าย ๆ ฟ้าลิขิตไว้แล้ว


ต่อข้อถาม กรณีเงิน 71 ล้านบาท เสียภาษีอย่างไร ทนายษิทรา ตอบว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษี เพราะเป็นทนายความ ขณะนี้ ตนโดนตรวจสอบภาษีอยู่ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ ตอนที่เงินเข้ามาตนได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบแล้ว ส่วนการเสียภาษีอยู่ระหว่างประเมิน ซึ่งโดยปกติจะเสียภาษีประมาณ 5% จากรายได้


แต่ปัจจุบันยัง ไม่ได้เสียภาษี เนื่องจากกำลังประเมินอยู่ แต่เป็นจำนวนเงินเท่าไรผมไม่ทราบ เพราะผมโดนตรวจสอบอยู่ เขาก็จะคิดไปทีเดียวเลยว่าทั้งหมดมีเท่าไหร่อะไรยังไง แต่ทุกอย่างมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว


กรณีที่เกิดขึ้นตนหนักใจกระแสสังคมอย่างเดียว พูดไปตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครเชื่อ แต่ตนโดนเรื่องนี้หลายรอบแล้ว ช่วงที่ทำคดีหวย 30 ล้าน ปี 61-62 ตอนนั้น ก็มีคนมากล่าวหาตนต่าง ๆ นานา


หรือตอนที่ตนทำเรื่องโครงการจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ผมก็โดนหมายจับ หรือตอน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตนก็กลายเป็นทนายสีเทา ทุกอย่างตนก็ผ่านมาทั้งหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ตนเลยไม่ได้มีความหนักใจอะไรมาก


ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ว่า ตนเองชอบวงเงินจำนวน 71 ล้านบาท จากพี่อ้อยนั้น ตนก็คงไม่มีอะไรจะฝากไปถึง ก็ขอให้รอดูการพิสูจน์ความจริงในกระบวนการของกฎหมายต่อไป



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Jto_WQ5zihU

คุณอาจสนใจ

Related News