สังคม

‘อัจฉริยะ’ ยันเข้าเรือนจำถูกต้อง อ้างเมีย-พี่ชาย ‘โค้ชแล็ป’ ให้มาช่วยคดี จ่อฟ้องสื่อ ทำสังคมเข้าใจผิด

โดย nattachat_c

29 ต.ค. 2567

20 views

วานนี้ (28 ต.ค. 67) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เปิดเผยว่า ทางดีเอสไอได้จับตา 'บอสแล็ป' เป็นพิเศษ เนื่องจากทำงานในระบบหลังบ้าน แต่ 'บอสแล็ป' ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

ด้าน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ 'บอสพอล' ได้ออกมาระบุว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้ส่งหนังสือให้ 'บอสแล็ป' เซ็น ให้เป็นผู้ดูแลคดี และสามารถแถลงข่าวได้ และยังเข้าไปในเรือนจำ กับตำรวจสอบสวน หรือตำรวจสืบสวน ในห้องพนักงานสอบสวนโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งตนเองจะฟ้องทั้งตำรวจ และนายอัจฉริยะ

วานนี้ (28 ต.ค. 67) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ 'บอสพอล' และ 'บอสแล็ป' ได้เผยว่า 'บอสแล็ป' ไม่ได้เชิญให้นายอัจฉริยะเข้าไปพบ แต่ทางนายอัจฉริยะได้บอกว่าทางภรรยาของ 'บอสแล็ป' เป็นผู้ติดต่อให้เข้าพบข้างใน โดยที่ 'บอสแล็ป' ไม่รู้เรื่อง ตนจึงคิดว่า 'บอสแล็ป' ไม่ได้ยินยอมให้เข้าพบ ไม่อย่างนั้นต้องเซ็นมอบอำนาจแล้ว แต่นี่ไม่เซ็นแสดงว่า 'บอสแล็ป' ไม้ได้ให้ภรรยาไปบอกให้นายอัจฉริยะพบเข้า   

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ยังบอกอีกว่า การเยี่ยมผู้ต้องขังนั้น จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้ต้องขังเท่านั้น เท่ากับนายอัจฉริยะ

และจะทำหนังสือถึง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ตรวจสอบกล้อง และตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมจะดำเนินการอย่างไร ส่วนที่นายอัจฉริยะบอกว่า ทำตามกฎทุกอย่าง แต่ทาง ผบ.เรือนจำได้แจ้งว่าเข้าเยี่ยมได้

------------------------------------------

‘อัจฉริยะ’ ชี้แจงปมเข้าเรือนจำ ยันถูกต้องตามขั้นตอน ระบุภรรยาและพี่ชายของโค้ชแล็ป ร้องมีคนอ้างเป็นตำรวจกองปราบเรียกเงิน 9 ล้านบาทผ่านคนสนิท จึงให้เข้ามาช่วยสืบสวน

วานนี้ (28 ต.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ชี้แจงถึงกรณีที่ตนเองได้เข้าไปพบกับ โค้ชแล็ป ผู้ต้องหาคดี ดิไอคอนกรุ๊ป ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยยืนยันว่า ตนเองได้เข้าไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอน โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องเรียนจากภรรยา และพี่ชาย ของโค้ชแล็ป ว่าก่อนที่โค้ชแล็ปจะถูกออกหมายจับ ได้มีบุคคลแอบอ้างเป็นตำรวจกองปราบปรามมาเรียกเงิน 9 ล้านบาท ผ่านคนสนิท ภรรยากับพี่ชาย จึงอยากให้ตนเข้ามาช่วยสืบสวนเรื่องนี้ว่า บุคคลดังกล่าวเป็นใคร เป็นตำรวจจริงหรือไม่ ตนก็รับดำเนินการ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้โค้ชแล็ปเป็นผู้มอบอำนาจให้ตนดำเนินคดี จึงมีการนัดแนะในการนำเอกสารเข้าไปให้โค้ชแล็ปเซ็น

นอกจากนี้ ภรรยาของโค้ชแล็ปยังบอกด้วยว่า อยากให้มีตำรวจเข้าไปด้วย เพราะโค้ชแล็ปอยากจะให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ตนจึงประสานไปยัง พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่ามีญาติประสานมาขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนด้วย

โดยในวันที่เข้าไปในเรือนจำฯ ภรรยาของโค้ชแล็ปได้ยื่นขอเยี่ยมในฐานะญาติตามปกติ แต่ตนกับพี่ชายของโค้ชแล็ปได้เข้าไปพร้อมกับตำรวจ ตามหนังสือจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งระบุชื่อตนและพี่ชายโค้ชแล็ป เป็นบุคคลที่ 3 ที่ได้รับความไว้วางใจ

ทั้งนี้ ตอนที่เข้าไป โค้ชแล็ปมีอาการจิตตก คุยกับพี่ชายว่าตนเองผิดอะไรถึงต้องมาอยู่ในเรือนจำ สภาพจิตใจไม่พร้อมพูดคุย จึงยังไม่ทันได้ทำอะไร ประมาณ 10 นาที ผู้คุมก็มาเรียกให้ไปคุยกับภรรยาที่เข้ามาเยี่ยม ส่วนเอกสารมอบอำนาจที่โค้ชแล็ปไม่ได้เซ็น เพราะตนระบุไว้ด้วยว่า ต้องให้สิทธิในการแถลงข่าว แต่โค้ชแล็ปไม่ต้องการให้ออกข่าว จึงยังไม่เซ็น

ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าทุกอย่างที่ตนทำ เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ มีการอนุมัติในการเข้าเยี่ยมถูกต้อง ไม่ได้ตีเนียน แต่หลังจากนั้น มีนักข่าวสำนักข่าวหนึ่ง ลงข่าวอ้างว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเรือนจำฯ ระบุว่า มีการคาดโทษตน โดยตนได้สอบถามไปทั้งทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้บัญชาการเรือนจำฯ ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แบบนั้น แต่บอกว่านักข่าวมีการถามนำ โดยใช้คำพูดของนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอลให้สัมภาษณ์มาถามนำ และผู้บัญชาการเรือนจำฯ ยังยืนยันด้วยว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปตามที่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ ไม่ได้มีการกระทำผิด ตนไม่ได้ถูกกรมราชทัณฑ์คาดโทษแต่อย่างใด

ในวันนี้ (29 ต.ค. 67) เวลา 14.00 น. ตนจะไปยื่นฟ้องสำนักข่าวดังกล่าวที่ศาลจังหวัดพระประแดง เพราะทำให้ตนได้รับความเสียหายอย่างมาก จากข่าวที่ลงทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและต่อว่าตนว่าเป็นคนไม่ดี ทั้งที่ตนเข้าไปเพื่อทำงาน ซึ่งการที่จะฟ้องร้องกับสื่อมวลชน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ตนเคารพสื่อมวลชนมาตลอด ไม่ได้จะฟ้องทุกสื่อ แต่กับสำนักข่าวดังกล่าวนั้น มีประเด็นที่ทำให้ตนเสียหายมาแล้วถึง 2 ครั้ง จากการลงข่าวบิดเบือน ตนจึงต้องออกมาปกป้องตัวเอง สื่อมวลชนควรเขียนแต่ข้อเท็จจริง

ส่วนกับนายวิฑูรย์ ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องไปให้สัมภาษณ์สื่อแบบนั้น ทั้งที่ตอนอยู่ในเรือนจำ ก็ยังเจอกันและพูดคุยกัน ยังทักทายกันว่าคดีเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งมองว่า ถ้าลูกความไม่ได้ทำอะไรผิด ทนายความจะกลัวอะไรที่ตนจะเข้าไปเจาะเบื้องหลังของดิไอคอนกรุ๊ป และการที่เป็นทนายความ ก็ควรจะต้องรู้ว่า การเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำมีกฎระเบียบเข้มงวด ตนไม่สามารถใช้เส้นสายได้อยู่แล้ว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/sr9fb6tP8Oo

คุณอาจสนใจ

Related News