พี่สาวร้องน้องชายถูกกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคนรุมกระทืบ แถมยังบังคับให้คลานสี่ขาเป็นหมารอบหมู่บ้าน สุดท้ายน้องชายเจ็บหนัก

20 ก.ย. พี่สาวของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ชายที่ถูกทำร้ายร่างกาย นำหลักฐานมาเพื่อยืนยันว่าน้องชายของเขาคือ นายเอ (นามสมมุติ) ถูกกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคน ซึ่งเป็นเพื่อนของน้องชายรุมทำร้ายร่างกาย และที่หนักที่สุดคือบังคับให้น้องชายคลานเป็นหมาไปรอบหมู่บ้าน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 ของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 14/14 ย่านจอมทอง



โดยพี่สาวของนายเอ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุน้องชายของตนมีเพื่อนชื่อนายบี ต่อมานายบีได้ยืมจยย.ของนายซี ซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 กันยายน ตอนนั้นน้องชายตนก็รับรู้ว่านายบี ยืมจยย.จากนายซี เพราะอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง



แต่ปรากฎว่านายบี ไม่ยอมคืนจยย.ให้นายซี และติดต่อไม่ได้ ทำให้นายซีมาทวงถามจยย.กับน้องของตน ซึ่งน้องของตนก็บอกว่าติดต่อนายบีไม่ได้เหมือนกัน ทำให้นายซีไม่พอใจ และคิดว่าน้องชายตนสมรู้ร่วมคิดกับนายบี



วันที่ 18 กันยายน กลุ่มของนายซี ได้มาหาน้องชายของตนที่ห้องพัก และหลอกให้ไปเคลียร์เรื่องนี้ที่ซอยสุขสวัสดิ์ 14/14 ซึ่งเมื่อไปถึงก็ถูกเพื่อนของนายซีนับสิบคนรุมทำร้ายร่างกาย และยังข่มขู่ให้น้องชายให้โทรศัพท์หานายบี ซึ่งน้องชายติดต่อนายบีไม่ได้ ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจ รุมทำร้ายน้องอีก จนสุดท้ายบังคับให้น้องของตนคลานเหมือนหมารอบหมู่บ้าน



ต่อมาตนทราบเรื่องว่า น้องชายถูกทำร้าย จึงไปหาน้องชายที่ห้องพัก พบว่าน้องชายนอนเก็บตัวปิดไฟเงียบ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าน้องชายเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด จึงรีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาล



ต่อมาน้องชายได้ขอย้ายกลับไปอยุ่บ้านที่ลพบุรี เพราะกลัวคนกลุ่มนี้จะมาแก้แค้น แต่เมื่อไปถึงที่ลพบุรีอาการน้องก็ไม่ดีขึ้น เป็นไข้นอนซมทั้งวัน ทางครอบครัวได้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลโคกสำโรง ปรากฎหมอบอกว่าน้องชายมีอาการปอดติดเชื้อ, น้ำท่วมปอด, ลิ้นหัวใจอักเสบ ซึ่งสาเหตุมาจากการที่น้องถูกรุมทำร้าย ต้องเข้ารับการผ่าตัด ตนจึงย้ายน้องชายมารักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และตอนนี้อยู่ระหว่างพักฟื้นร่างกายเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดลิ้นหัวใจ

หลังเกิดเหตุทางกลุ่มคู่กรณีได้ติดต่อมาหาตน เพื่อจะขอเคลียร์ไม่ให้แจ้งความ ซึ่งตอนแรกตนก็เกือบจะตกลงเพราะเห็นว่าคนที่ทำร้ายก็เป็นเพื่อนของน้องชาย แต่ภายหลังตนมาเห็นคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจไม่ยอมความและจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุนอกจะทำร้ายร่างกายน้องชายแล้ว ยังบังคับให้คลานเหมือนหมา ทำเหมือนกับน้องของตนไม่ใช่คน ที่สำคัญกลุ่มผู้ก่อเหตุยังไปแจ้งความกับตำรวจ สน.บางมด ว่าน้องชายตนร่วมก่อเหตุกับนายบีลักเอาจยย.ไป ซึ่งไม่เป็นความจริง


ทีมข่าวช่อง 3 ลงพื้นที่เกิดเหตุ และได้คุยกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยชาวบ้านบอกว่า คืนวันเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ แต่คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นวัยรุ่นในละแวกนี้



ล่าสุดทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปหานายเอ ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยนายเอยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับนายบี ในประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันจยย.ไป ส่วนวันเกิดเหตุตนคิดว่ากลุ่มของนายซีจะเรียกไปเคลียร์กับเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะลวงตนไปรุมทำร้ายร่างกาย ส่วนเรื่องที่ตนข่มขู่ให้คลานเป็นหมารอบหมู่บ้าน ตอนนั้นยอมรับว่าไม่อยากทำเพราะอับอาย แต่ก็กลัวถูกรุมทำร้ายจึงต้องยอม



ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจำหน้าผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด เพราะเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ตอนนี้กลัวเรื่องความปลอดภัย และกลัวคดีไม่คืบหน้า เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุรู้จักกับผู้กว้างขวางในพื้นที่และยังรู้จักกับตำรวจด้วย

พันตำรวจเอก สนชัย พูนผล ผู้กำกับการ สน.บางมด เปิดเผยว่ารู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีส่วนประเด็นที่ทางผู้บาดเจ็บถูกแจ้งความว่าร่วมกับพวกเอาจยย.ไปนั้น ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยระหว่างนี้จะไม่มีการออกหมายจับ เนื่องจากผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งหากอาการดีแล้วก็จะเรียกมาสอบปากคำเพื่อความเป็นธรรม ส่วนประเด็นที่ครอบครัวผู้บาดเจ็บกังวลเรื่องความปลอดภัยนั้น สามารถติดต่อมาหาตนโดยตรงได้ทันที