สังคม
ดั่งหมู่บ้านร้าง! เปิดภาพ ‘ถ้ำผาจม-ตลาดสายลมจอย’ หลังน้ำลด รัฐเคาะงบกลางเยียวยา 3 พันล้าน
โดย petchpawee_k
17 ก.ย. 2567
378 views
เปิดความความเสียหาย “ถ้ำผาจม” โคลนทับถม เปรียบดังหมู่บ้านร้าง ขณะที่กู้ภัยฯเริ่มเข้าพื้นที่ช่วยกำจัดโคลนแล้ว ป้าวัย 64 กลับเข้าบ้าน ขุดเจอเพียงรูปวัยเด็กลูกสาวเพียงสิ่งเดียว ก่อนน้ำตาคลอ เล่าสภาพแบบนี้ปีสองปีก็ไม่เหมือนเดิม รูปครอบครัวหลายสิบปีก่อนไหลตามน้ำติดกองโคลน ทีมข่าวตามเจอเจ้าของ บอกขอเก็บเป็นความทรงจำ หลังสำรวจบ้านไม่เหลืออะไรแล้ว
กรณีเกิดฝนตกหนักติดต่อกันต่อกัน ส่งผลทำให้น้ำป่าไหลทะลักจากฝั่งเมียนมาร์ลงแม่น้ำสาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือน ร้านค้าในหมู่บ้านที่ติดลำน้ำสาย ถูกน้ำทะลักท่วมได้รับความเสียหายอย่างหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 ที่ผ่านมา
วานนี้ (16 ก.ย.67) ทีมข่าวยังคงปักหลักติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ แม้ว่าหลายจุดน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่สิ่งที่เหลือไว้คือร่องรอยของความเสียหาย
โดยเฉพาะในพื้นทีโซนถ้ำผาจม ซึ่งเป็นโซนต้นน้ำ อยู่ติดกับแม่น้ำสาย เป็นจุดสีแดงอันตราย และเป็นจุดแรกที่รับมวลน้ำจากแม่น้ำสาย ที่ไหลมาจากประเทศเมียนมาร์ โดยมวลน้ำได้เหล่านี้ จะไหลผ่านคลองในชุมชนบ้านถ้ำผาจม ก่อนลงไปโซนตลาดสายลมจอย เข้าชุมชนเกาะทราย ลุงไม้ขน
ช่วงเที่ยง 12.00 น. เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.67) ลงพื้นที่สำรวจในหมู่บ้านถ้ำผาจม ฝั่งหัวฝาย พบว่าระดับน้ำแม่สายไม่ได้ทะลักเข้าหมู่บ้านแล้ว จะเห็นได้ว่าโซนนี้แทบจะเป็นหมู่บ้านร้าง เพราะถูกโคลนดินทับถมเต็มทุกพื้นที่ทั้งบ้าน และบริเวณที่เป็นถนน ตามตรอกซอกซอยจนแยกไม่ออกว่าเคยเป็นอะไร บางจุดโคลนทั้งมาก มีแตั้งแต่ 2 ไป จนถึง 5 เมตร นอกจากโคลนดินแล้วฝั่งหัวฝายยังถูกเศษไม้และต้นไม้ขนาดใหญ่ บางต้นไม้ขนาด 3 คนโอบไหลมาติดกลางถนนหลายต้น นับว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ในการเคลียพื้นที่
ทีมข่าวเดินสำรวจความเสียหายต่อเนื่อง ได้เจอกับคุณลุงยี่ 62 ปี และคุณป้าจ๊อย 64 ปี 2 สามี-ภรรยา ในหมู่บ้านถ้ำผาจมฝั่งหัวฝาย ที่กำลังใช้จอบขุดดินออกจากบ้าน ที่จุดสูงสุด วัดจากตัวบ้านชั้น 2 ทีมข่าวลองทดสอบดู พบว่าไม่สามารถลอดผ่านไปได้
จากนั้น ป้าจ๊อย น้ำตาคลอ เล่าว่า หลังจากมาเห็นสภาพบ้าน ความรู้สึกแรกคือ ใจมันหมายไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ใจสั่นมากๆ กินอะไรก็กินไม่ลง สภาพแบบนี้ 1 ปี 2 ปี ก็ไม่เหมือนเดิมหรอก ข้าวของไปหมดแล้ว เงินก็ไม่เหลือแล้ว
ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นรูปๆ หนึ่ง เป็นรูปของเด็กคนหนึ่งที่ป้าจ๊อยเจอระหว่างสำรวจความเสียหายบ้าน และเป็นหนึ่งชิ้นที่หยิบขึ้นมาได้จากโคลนที่ทับอยู่ ส่วนของอื่นๆหายไปกับน้ำหรือไม่ก็ยังจมอยู่ใต้โคลน ปรากฏว่ารูปนี้เป็นรูปลูกสาวของป๊าจ๊อยสมัยยังเด็ก รูปนี้แขวนอยู่เสาบ้าน แต่จำไม่ได้แล้วว่าที่ไปที่มาของรูปนี้คืออะไร ซึ่งตนเองมีลูก 2 คน เจอแต่รูปภาพของลูกสาวคนเดียว
ทีมข่าวเดินสำรวจต่อ เจอข้าวของหลายอย่างติดอยู่บนโคลน จังหวะหนึ่งทีมข่าวเจอกับรูปงานแต่ง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายภาพพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ทีมข่าวหยิบขึ้นมา เดินตามหาเจ้าของเพราะรูปนี้อาจเป็นความทรงจำที่ดีของใครคนใคคนหนึ่งก็ได้
เดินไปจากจุดที่เห็นรูปภาพดังเกือบ 1 กิโลเมตร สอบถามไปเรื่อยๆ จนพบเจ้าของภาพ ขณะที่ไปช่วยเพื่อนบ้านเอาโคลนออกเพื่ออย่างให้เปิดประตูบ้านได้ ซึ่งเจ้าของภาพคือ คุณศรีนวล อายุ 45 ปี ที่ทีมข่าวเคยไปสำรวจความเสียหายบ้าน ซึ่งอยู่บ้านอยู่ต้นๆ ซอยห่างไปอีกประมาณ 500 เมตร คุณศรีนวล เล่าว่า นี่คือภาพงานแต่งงานพี่ชาย ในรูปนี้สีพ่อ แม่ ตัวเองก็อยู่ในภาพนี้ด้วยแต่จำไม่ได้ว่าถ่ายตั้งแต่ปีไหน น่าจะนานมาแล้วเพราะในรูปตัวเองยังเป็นวัยรุ่นอยู่ พร้อมบอกว่าจะเก็บภาพนี้ไว้ เพราะหลังจากที่ไปสำรวจบ้านมา ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เสียหายทุกสิ่งทุกอย่าง ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำ
ส่วนการช่วยเหลือฟื้นฟูตรงโซนถ้ำผาจม หลังจากชาวบ้านสะท้อนว่าไม่มีใครมาช่วยเหลือเลย ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.67) พบว่าเริ่มมีกู้ภัยเข้ามา คือ กู้ภัยเพื่อนพึงภาฯ ที่นำรถแบ็คโฮมากู้ซากต้นไม้ที่ขวางทางถนนออก ก่อนเริ่มตักโคลนขนาดมหึมา ออกมากองรวมไว้ด้านข้าง ก่อนเริ่มภารกิจเข้าไปช่วยตามบ้านแต่ละหลังวันนี้ (17 ก.ย.67)
-----------------------------------
นายกประชุมตั้ง ศปช. แก้ปัญหาน้ำ ให้ภูมิธรรมนั่ง ปธ. เบื้องต้นเยียวยาเดิม สูงสุด 2.3 แสนเร่งจ่ายโดยเร็ว เตรียมประชุมรายละเอียด 18 ก.ย. นี้ ขณะครม.พรุ่งนี้อนุมัติงบ 3,000 ล้านบาท ข่าวดีหนองคาย-น้ำโขงลด เจ้าพระยาระบายได้ดี กทม.ไม่ท่วม
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปช.) คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม และ จัดตั้งศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ กว่า 2 ชั่วโมงว่า ได้มีการมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ศปช. และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานฯ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีคณะกรรมการจากทุกหน่วยงานเป็นองค์ประกอบครบ เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ถ้ามีปัญหารวมถึงเรื่องการเยียวยาจะได้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว โดยคณะกรรมการฯชุดนี้จะตั้งไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
เมื่อถามถึงสถานการณ์น้ำ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า น้ำเริ่มมาทางอีสาน เมื่อคืนแม้จะมีฝนตกหนักทั้งทางเหนือแต่ปริมาณน้ำไม่ได้มีผลกระทบ และวันนี้หน่วยงานต่างๆ เริ่มบอกทิศทางของน้ำ โดยเฉพาะจังหวัดที่น้ำกำลังจะไปให้มีการเตรียมพร้อมแจ้งประชาชนให้รับทราบว่าจะมวลน้ำเข้าไปในพื้นที่ว่าจะเก็บของหรือจะทำอย่างไร เคลี่อนย้ายอย่างไร และเตรียมตัวอย่างไรบ้าง โดยตนได้ย้ำชัดเจนว่าถ้าจะเกิดเหตุจริงๆ ให้ประชาชนได้รับทราบก่อน ให้แจ้งล่วงหน้าหลายวัน
เมื่อถามถึงสถานการณ์น้ำที่หนองคายขณะนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “น้ำลดลงแล้วค่ะ ตอนนี้” ส่วนการเตรียมพร้อมหลังจากนี้ที่น้ำโขงจะไหลลงไปที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายก่อนที่จะไหลลงสปป.ลาว มีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมืออย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราได้แจ้งไปหมดแล้วว่าน้ำจะมาในปริมาณเท่าไหร่ และเท่าที่ประชุมกันปีนี้ไม่ได้หนัก แต่จะมีน้ำที่ไหลผ่าน และตอนนี้กองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าไปสแตนบายไว้หมดแล้ว
เมื่อถามว่า ที่น้ำโขงลดลงเป็นเพราะว่าจีนหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จริงๆ แล้วเขาปล่อยน้ำในอัตราปกติ ไม่ได้มีส่วนให้ท่วมมากชึ้น อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ส่วนของกรุงเทพฯแม่น้ำเจ้าพระยามีศักยภาพมากพอ เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯจะไม่ท่วม ส่วนพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมแล้ว คาดว่า 3 วันทุกอย่างจะจบลง และแผนฟื้นฟูต่างๆจะทำให้กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด
เมื่อถามถึงมาตรการเยียวยา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราต้องดูกรอบการเยียวยาว่าจะสามารถปรับอย่างไรได้บ้าง แต่ตอนนี้ เราคิดว่าความรวดเร็วต้องมาก่อน จึงให้ใช้กรอบเดิมก่อนเพราะกรอบใหม่จะต้องใช้เวลาในการพิจารณา และเมื่อสักครู่นี้ได้พูดคุยกับกระทรวงมหาดไทยจะมีการยกเว้นค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน คือ เดือนกันยายน ส่วนเดือนตุลาคม จะลด 30 % เป็นแค่การตั้งไว้ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นยืดยาวออกไป เราจะเพิ่มมาตรการอีก ซึ่งเราจะทำทันทีเพื่อซับพอร์ตประชาชน
ส่วนเรื่องของการซ่อมแซมบ้านเรือนได้พูดคุยกับทางกองทัพ ซึ่งระดมกำลังมาช่วยอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอ จึงได้ให้กระทรวงศึกษาธิการระดมนักเรียนอาชีวะมาช่วยกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งบประมาณที่จะใช้ในการเยียวยาเป็นกรอบเดิมไม่ต้องเข้าที่ประชุมครม.แล้ว สามารถดำเนินการได้เลย เพราะเราต้องการเรื่องความเร็ว ส่วนการช่วยเหลือเพิ่มเติมต้องมาดูในรายละเอียดว่าจะปรับเพิ่มอะไรได้บ้าง
เมื่อถามว่าตอนนี้ยอดเยียวยาตามกรอบเดิมประชาชนจะได้หลังคาเรือนละเท่าไหร่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้เต็มที่คือ 230,000 บาท นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงกล่าวเสริมว่า มีหมวดอื่นอีกประมาณ 4-5 หมื่นบาท นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ยังมีงบกลางที่เราสำรองไว้สำหรับน้ำท่วม รวมถึงเรื่องของการเสียชีวิต จะใช้กรอบเดิมแต่เราจะพิจารณาเพิ่ม
--------------------------------------
สำรวจความเสียหาย “ตลาดสายลมจอย” แม่ค้าหลายร้านบอกเข่าแทบทรุด ชวน นทท.มาเที่ยวหลังคลี่คลาย หวังให้ผู้ค้ามีเงินทุนไปต่อ เปิดใจครอบครัวลุงอภิชา หนี่งในผู้เสียชีวิตมหาอุกภัยเชียงราย เล่าทั้งน้ำตา ทรัพย์สินเสียหายยังไม่พอยังสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักอีก
วานนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตลาดสายลมจอย จุดที่ 2 ที่ได้รับน้ำต่อจากถ้ำวังผา และเป็นโซนสีแดงอันตรายเช่นกัน ซึ่งวานนี้ พบว่าตามถนนของตลาดสายลมจอย ยังมีน้ำที่ไหลจากแม่น้ำสายไหลผ่านอยู่ระดับครึ่งแข้ง แต่ไม่ได้ไหลเชี่ยว ผู้คนเดินผ่านไปมาได้
ช่วงหนึ่งทีมข่าวเดินสำรวจความเสียหาย พบกับความเสียหายของร้านวราภรณ์หยกขาวมงคล ที่รับทำพระขาย ร้านอยู่ช่วงรอยต่อกับหมู่บ้านถ้ำผาจม ปรากฏว่าภายในร้านเต็มไปด้วยโคลน 1 ฝั่งมีพระหยกเขียวขนาดใหญ่ถูกโคลนทับแทบจะมิดเศียร ส่วนอีกองค์ถูกทับบางส่วน ส่วนภายในร้านเป็นพระหยกขาว ถูกโคลนทับถมเช่นเดียว ซึ่งลูกสาวของคุณวราภรณ์ บอกว่า ความเสียหายทั้งหมดนี้น่ามากถึง 7 หลัก มาเห็นสภาพบ้านตกใจมาก
จากนั้นคุณศิวภรณ์ บอกกับทีมข่าวว่า นอกจาก ความเสียหายแล้วยังไม่พอ ยังมีความสูญเสียเข้ามาด้วยซึ่งจังหวะนี้ ระหว่างสัมภาษณ์ทีมข่าวเพิ่งได้ทราบ ณ เวลานั้น ว่าคุณป้าวราภรณ์เป็นภรรยาของ คุณลุงอภิชา และคุณศิวภรณ์ เป็นลูกสาวของคุณลุงอภิชา อายุ 61 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยครั้งนี้ ซึ่งเจอร่างถูกฝั่งในโคลนใต้ต้นไม้แถวด่านชายแดนฯ
ก่อนที่คุณศิวภรณ์ จะเล่าทั้งน้ำตาคลอ ว่า ตามที่มีการนำเสอนข่าวคุณพ่อที่ลอยน้ำแล้วเจอร่าง น่าจะเป็นเพราะวันนั้นคุณพ่ออยู่คนเดียว พอเจอน้ำแล้วตกใจ สื่อสารอะไรไม่ได้ อีกทั้งเป็นช่วงที่น้ำขึ้นมาเร็วมาก ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน และบ้านตนเป็นบ้าน 3 ชั้น โซนด้านหลังเป็นห้องครัวเล็กๆ ถล่มลงมาจากการโดนน้ำซัดฝ้า ผนัง พังลงมาทั้งหมด และอาจจะเสียงตอนน้ำมามันดังมากด้วย มืดด้วย อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้คุณพ่อท่านกระโดดลงมาเพื่อไปขอความช่วยเหลือ หวังเอาชีวิตตัวเองให้รอด
ขณะที่คุณป้าวราภรณ์ เล่าเสริมว่า คนที่เจอสามีพยายามหาที่เกาะแล้ว เพราะลอยไปติดแถวๆบ้านเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านจะเข้าไปช่วยก็ช่วยไม่ได้ ก่อนถูกกระแสน้ำพัดไปซึ่งยังคงพยายามขอความช่วยเหลืออยู่ กระทั่งไปถึงตรงด่านคาดว่าไปหมดแรงอยู่บริเวณนั้น ก่อนกู้ภัยไปพบร่างเสียชีวิต
จากนั้นไม่นานปรากฏว่า ทีมข่าวได้เจอกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิเพื่อนพึ่งภาฯ ที่กำลังตามหาช่องทางการติดต่อเพื่อจะมอบเงินช่วยเหลือกรณีมีผู้เสียชีวิต ทีมข่าวทราบเรื่องประสานช่วยทันที และเมื่อเจ้าหน้าที่ของเพื่อนพึ่งภาฯ ได้เจอกับครอบครัวของคุณลุงอภิชา เมื่อทางครอบครัวทราบเรื่อง ถึงกับซาบซึ้งปล่อยโฮออกมาทันที พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ก่อนคุณลุงอภิชาเสียชีวิตให้ฟังทั้งน้ำตา
นอกจากนี้ คุณศิวภรณ์ เธอยังอยากส่งเสียงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่า อยากให้รัฐบาลเข้ามาฟื้นฟูให้เร็วที่สุด ปชช.บางคนอาจหมดตัว บางคนอาจมีแรงเริ่มใหม่ อย่าให้ ปชช.นั่งรอคอยหรือให้เป็นกระบอกเสียง เพราะเหตุการณ์จากภาพมันชัดเจนอยู่แล้วว่า มันรอไม่ได้ ต้องช่วยเหลือให้เร็วที่สุดและเยียวยาให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวเดินสำรวจต่อไปในเขตตลาดสายลมจอย ที่เดิมเป็นร้านค้า ขายจองต่างๆ เมื่อไปถึงพบว่าทุกร้าน โคลนเต็มร้าน ข้าวของเสียหายทั้งหมด ซึ่งทุกๆร้านเกนนช่วยกันเร่งทำความสะอาดร้านของตัวเอง บางร้าน เช่น ร้านขายผ้าห่ม ทั้งแจก ทั้งเปิดขายในราคาขาดทุนยับ ขายเพียง 5 บาท 10 บาท โดยพบว่าคนมาซื้อจำนวนมาก บางผืนเป็นผ้าที่เปื้อนโคลนก็มีคนซื้อ นำมาล้างน้ำที่ไหลจากมาจากแม่น้ำสายให้โคลนออกก่อนค่อยนำไปซักน้ำสะอาจใหม่อีกครั้ง
ทีมข่าวยังได้เจอกับคุณเหน่ง เจ้าของร้านขายหมวก ในตลาดสายลมจอย ที่กำลังเอาหมวกที่เปลื้อนโคลนออกมาขายใบละ 10 บาท พร้อมกับเร่งกำจัดโคลน เจ้าตัวพาทีมข่าวเดินสำรวจ พร้อมกล่าวว่า ข้าวของเสียหายเยอะมาก ลอยไปกับน้ำเยอะมาก ทั้งหมดนี้เหมือนกับล้มละลายเลย วันแรกๆที่เห็นน้ำรู้สึกท้อมาก คิดว่าร้านจะไปกับน้ำแล้วด้วยซ้ำ
พอเดินเข้ามาดูในร้านได้ เห็นสภาพแล้วเข่าแทบทรุด ตอนที่เห็นน้ำท่วมครั้งแรกมันก็เครียดอีกแบบทพอเห็นสภาพแบบไม่รู้จะทำยังไง อีกอย่างเศรษฐกิจก็ไม่ดี จะเริ่มต้นใหม่ก็ไม่จะทำยังไง
เธอยังบอกด้วยว่า หากสถานการณ์คลี่คลาย เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยว จะได้ช่วยพ่อค้าแม่ค้าด้วย อีกอย่างข้าวของก็ไม่ได้แพง อยากให้มาช่วยพ่อค้าแม่ค้ากันจะได้มีเงินทุนเดินไปต่อ
ขณะเดียวกันวานนี้ นายนพรัตน์ สงวนศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านดอยงาม ช่วยราชการ บ้านถ้ำผาจม ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ นายบัณฑิต พันธ์พลากร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่สาย ได้นำรถแม็คโคร 1 คัน พร้อมด้วยรถบรรทุก 6 ล้อขนดินจำนวน 10 คัน ร่วมกับชาวบ้าน ช่วยกันขุดดินทรายที่กองถมทับอยู่บนถนน บริเวณถ้ำผาจมเขตรอยต่อชุมชนสายลมจอย ออกจากถนนอย่างเร่งด่วน หลังจากน้ำลด เพื่อที่จะได้เปิดทางเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรือน ที่ถูกกระแสน้ำสายพัดกระหน่ำจนพังราบเป็นหน้ากลอง เพราะจุดนี้เป็นพื้นที่ที่น้ำไหลลงจากที่สูงฝั่งเมียนมา ลงมาปะทะเป็นจุดแรก ก่อนไหลเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของอำเภอแม่สาย
โดยเรียกร้องให้หน่วยราชการ เช่นทหารที่มีเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ นำรถแม็คโครเข้ามาช่วยขุดตักดินทราย เอาไปทิ้งที่วัดป่าเหมือดโดยด่วนที่สุดเพราะชาวบ้านจำนวนมาก ต้องการเข้าไปดูแลบ้านช่องของตนเอง แต่ตอนนี้เข้าไปไม่ได้เลย เพราะมีดินโคลนกองอยู่จำนวนมาก บางจุดสูงประมาณ 1-2 เมตร และทางเทศบาลต้องว่าจ้างรถแม็คโคร มาช่วยตักดินทรายเป็นรายวัน แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/czGXoK8WB_c