สังคม

ทองเป็นพิษ! สรรพากร เตรียมไปเยี่ยม ‘เสี่ยเค้ก’ พ่อค้าบะหมี่เกี๊ยว ใส่ทองเต็มตัว

โดย nattachat_c

27 ส.ค. 2567

521 views

‘เสี่ยเค้ก’ พ่อค้าขายบะหมี่เกี๊ยว ใส่ทองเต็มตัว เริ่มกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หลังมีข่าวสรรพากรเตรียมมาเยี่ยม เหตุดูร่ำรวยผิดปกติ เจ้าตัวยันทองที่ใส่มาจากการขายที่ดิน ทำมาหากินประหยัดอดออม แค่ใส่ทองถ่ายรูปทำคอนเท้นต์ พ้อเป็นเจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวจะใส่ทองคำเส้นละ 10 บาทไม่ได้เลยหรือ?


จากกรณีนายรังสรรค์​ สุวรรณศร​ อายุ​ 57 ปี​ เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวชื่อดัง 'ฮ่องเต้บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง' ร้านตั้งอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้าน กฤษดานคร​ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี​


ซึ่งพ่อค้ารายนี้เป็นที่รู้จักกันดีในโซเชียลมีเดียหลายคนเรียกกันว่า 'เสี่ยเค้ก' พ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวปู​ที่มักจะสวมใส่ทองเส้นใหญ่เท่าโซ่​เหลืองอร่ามเต็มคอ ​และข้อมือ​ เสี่ยเค้กยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นพ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวใจดี ติดป้ายที่หน้าร้านไว้ว่า "สตรีมีครรภ์ คนจน คนไร้ที่พึ่งขอกินฟรีได้ตลอด


วันที่ 25 สิงหาคม เมื่อเวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังร้าน 'ฮ่องเต้บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง' ของเสี่ยเค้ก ซึ่งตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านกฤษดานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พบเสี่ยเค้ก ภรรยา ลูกสาว ลูกชาย และลูกจ้าง กำลังชุลมุนปรุงก๋วยเตี๋ยวให้กับลูกค้า


โดยตัวเสี่ยเค้กเองนั้นในคืนนี้ พบว่าใส่สร้อยคอทองคำ 2 เส้นใหญ่ เลสข้อมือทองคำอีก 2 เส้น จนเหลืองอร่ามไปทั้งตัว ส่วนภรรยา ลูกสาว ลูกชาย และลูกจ้าง ต่างก็มีสร้อยคอทองคำใส่กันทุกคน


นายรังสรรค์ หรือเสี่ยเค้ก เล่าว่า ช่วงนี้ถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี แต่ที่ร้านของตนก็พออยู่ได้ เพราะตนทำกันแบบครอบครัวช่วยกันเองค้าขายกันเอง ส่วนสร้อยคอทองคำที่ใส่อยู่ที่คอตอนนี้ก็เพิ่งไปเปลี่ยนและเพิ่มน้ำหนักมา จากเส้นละ 10 บาทเป็นเส้นละ 15 บาท 2 เส้น สร้อยข้อมือทองคำก็เพิ่มเป็นเส้นละ 5 บาท 2 เส้น รวมน้ำหนักทองที่ใส่อยู่คืนนี้ก็ 40 บาท มูลค่าประมาณ 1,600,000 กว่าบาท


เสี่ยเค้ก ยังบอกอีกว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ได้ไปดูสร้อยคอทองคำหนัก 100 บาทที่ร้านทองแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี และยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ทำคอนเท้นต์ ให้กับที่ร้านเนื่องจากที่ร้านเห็นตนใส่ทองเหลืองอร่ามทั้งตัว อีกทั้ง สร้อยคอทองคำหนัก 100 บาทเส้นนี้ ตนรู้สึกชอบและพึงพอใจในลวดลายและงานที่สั่งทำ ตอนนี้ก็เริ่มจะรวบรวมเงินสด เก็บเล็กผสมน้อยอีกสักหน่อยคาดว่าจะกลับไปซื้อทองเส้นนี้กลับมาให้ได้ เพื่อเป็นรางวัลให้กับชีวิต


เมื่อถามว่าใส่ทองมากมายขนาดนี้ไม่กลัวอันตรายหรือ เสี่ยเค้กตอบว่า ตนเป็นคนแถวนี้ทุกคนรู้จักตนทั้งนั้น ส่วนตนก็รู้จักแทบทุกคน อีกทั้ง ที่ผ่านมาก็ทำแต่ความดีช่วยเหลือคนที่ลำบาก ใครที่มาคิดร้ายกับตนก็มีของดีพอปกป้องคุ้มครองตัวอยู่เหมือนกัน 'ขอร้องอย่าเสี่ยงดีกว่ามันไม่คุ้ม'

ต่อมา วันที่ 26 สิงหาคม ทีมสื่อข่าวของข่าวสด ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สรรพากรในพื้นที่ เปิดเผยว่า หลังทราบข่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายสำรวจของกรมสรรพากรในพื้นที่เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบรายได้ของเฮียเค้กแล้วว่า มีการชำระภาษีเงินได้ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา ถนนแจ้งวัฒนะยาวไปถึงหัวถนนปากเกร็ดเอง มีร้านขายบะหมี่เกี๊ยวมากมายหลายร้าน แต่ก็ยังไม่เคยเห็นรายใดจะมียอดขายสูงกำไรดีแบบเจ้านี้มาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าเจ้าของร้านขายบะหมี่เกี๊ยวรายนี้มีธุรกิจตัวอื่นหรือรายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มเติมหรือไม่


โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสำรวจของกรมสรรพากร เตรียมลงพื้นที่เพื่อประเมินรายได้หลังหักต้นทุนค่าใช้จ่ายของร้านบะหมี่เกี๊ยวเจ้านี้แล้ว ซึ่งจะใช้การสอบถามและประเมินจากการเฉลี่ยลูกค้าในรายวันดูเพื่อตรวจสอบรายได้ของทางร้าน โดยไม่จำเป็นต้องไปนั่งนับชามก๋วยเตี๋ยวเหมือนยุคก่อน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการเสียภาษีเงินได้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้


ล่าสุด วานนี้ (26 ส.ค. 67) เวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบกับเสี่ยเค้กอีก​ครั้ง โดยเสี่ยเค้ก เล่าว่า จากการมีสำนักข่าวบางสำนักที่ไม่ได้มาทำข่าวกับนำภาพ และเนื้อหาของข่าวของผู้สื่อข่าวไปนำเสนอในมุมที่แตกต่างออกไป​ โดยระบุว่าเสี่ยเค้กงานเข้าสรรพากรจะลงมาตรวจสอบเส้นทางการเงินของเสี่ยเค้ก​ที่ร่ำรวยผิดปกติ


เรื่องนี้ทำให้เสี่ยเค้กไม่สบายใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ โดยเสี่ยเค้กบอกกับผู้สื่อข่าวว่าส่วนตัวแล้วตนเองไม่ได้กังวลหากสรรพากรจะมาตรวจสอบเพราะเงินที่ได้มานั้น เป็นเงินที่ได้มาโดยสุจริตแต่ที่เสียใจและนอนไม่หลับ เพราะรู้สึกว่าเพียงเพราะตนขายก๋วยเตี๋ยวมีผิวคล้ำ มีรอยสัก พอใส่ทองเส้นใหญ่ และมีความฝันว่าจะได้สวมใส่ทองเส้นละ 100 บาท ถึงกับต้องลงพื้นที่มาตรวจสอบกันเลยหรือ ทั้งที่ตนเป็นพ่อค้าริมทาง​ และเกิดข้อสงสัยว่า เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวจะใส่ทองคำเส้นละ 10 บาทไม่ได้เลยหรือ


เสี่ยเค้กยังเปิดใจถึงที่มาที่ไปของทองที่ใส่อยู่ที่คอ และข้อมือด้วยว่า​ จุดเริ่มต้นมาจากการขายที่ดินของทางครอบครัว เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนั้นตนได้เงินมาประมาณ 80,000 บาท เพราะเป็นการขายต่อให้กับพี่สาว จึงนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองเก็บไว้​และขายบะหมี่มาก่อนหน้านั้น จนกระทั่งขายไปขายมาก็รวบรวมเงินทอง จนกลายเป็นตอนนี้ที่ใส่อยู่คือทองคำเส้นละ 10 บาท 2 เส้น และที่ข้อมือ เส้นละ 5 บาท รวม แล้ว 25 บาทมูลค่าตอนนี้1​ ล้านบาท​ และใส่แบบนี้มาขายบะหมี่เกี๊ยวทุกวัน


และยังบอกอีกว่ากว่าตนเองจะเก็บหอมรอมริบได้ทองเส้นใหญ่ขนาดนี้ ตนขายก๋วยเตี๋ยวมา 32 ปี เป็นคนที่ประหยัดมัธยัสถ์มาก แม้แต่กาแฟ Amazon ก็ไม่กล้ากิน กับข้าวกับปลาก็ทำกินกันเองในครอบครัว กินชามเดียวกับภรรยา​ กำไรที่ได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวต่อวันนำไปหยอดกระปุก อย่างน้อย 1,000 บาทและไม่มีการนำออกมาใช้​ แม้จะใส่ทองเส้นใหญ่ แต่เสื้อ และกางเกง ไม่เกิน 200 บาท ทุกวันนี้ยังขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่งก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าที่มาสั่งอยู่เลย​ เพราะในชีวิตมีสิ่งเดียวที่ตนปรารถนานั่นคือทองคำ จึงเก็บเงินขวนขวายที่จะซื้อทองคำเส้นใหญ่ๆมาใส่ เพราะมันทำให้รู้สึกมีกำลังใจมีแรงผลักดันในการทำงานต่อไป​


ส่วนประเด็นที่บอกว่า ตนกำลังเตรียมเงินเพื่อไปซื้อทอง 100 บาทนั้น ก็ยอมรับว่าได้เข้าไปในร้านทองแห่งหนึ่ง เพื่อไปเปลี่ยนลายทองที่ข้อมือ ปรากฏว่า พอเข้าไปในร้าน ก็เห็นทองเส้นละ 100 บาท เส้นใหญ่สวยงามมาก มีความตั้งใจว่า ต่อไปจะต้องเก็บเงินเพิ่มเพื่อซื้อทอง ให้ครบ 100 บาท ซึ่งตอนนี้มีแล้ว 25 บาท ก็เหลืออีก 75 บาท นี่ก็คือความใฝ่ฝันของตัวเอง​ ขณะที่ ในวันนั้น แม่ค้าก็เห็นว่าตนใส่ทองเส้นใหญ่เข้าไปในร้านก็เลยให้ตนลองสวมทองเส้นละ 100 บาท เพื่อทำ Content โปรโมทร้าน แล้วก็โปรโมทตัวเองด้วย ยืนยันว่า ตอนนี้ ยังไม่มีเงินซื้อทอง 100 บาท เป็นเพียงความฝันเท่านั้น


ขณะที่ เสี่ยเค้กยังได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม​ ถึงกรณีการค้าขายบะหมี่ และมีเงินซื้อทอง รวมแล้ว 25 บาท​


ซึ่งเมื่อทนายรณรงค์ได้ฟังข้อมูลจากเสี่ยเค้กแล้ว ก็บอกว่าไม่น่ากังวลอะไร เพราะกำไรจากการขายบะหมี่เกี๊ยวต่อวันอยู่ที่ประมาณวันละ 2,000 กว่าบาท หรือบางวันก็ขาดทุนด้วยซ้ำ หากคำนวณจากรายได้แล้วน่าจะไม่เกิน 1 ล้าน 8 แสนบาทต่อปี


ตนเองเห็นเสี่ยเค้กขายก๋วยเตี๋ยวมาตั้งแต่ตัวเองยังเด็ก เดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวของเสี่ยเค้กทุกวัน และยังรู้ด้วยว่าเสียเค้กเป็นคนที่มัธยัสถ์มาก รู้สึกไม่แปลกใจอะไรที่เสี่ยเค้กจะสวมใส่ทองเส้นละ 10 บาท 2 เส้น บนคอจนดูเหลืองอร่าม​ ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เสียเค้กนำออกมาโชว์​


นอกนั้น ก็เห็นว่าแกขับรถธรรมดาแต่งตัวธรรมดาใช้ชีวิตประจำวันเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่หรูหราอะไร ซึ่งเรื่องนี้หากสรรพากรลงพื้นที่มาตรวจสอบ ก็ต้องให้เขาตรวจสอบไปตามกระบวนการ ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล และไม่ใช่เรื่องที่จะบอกว่า 'งานเข้า' ตามที่สื่อบางสื่อลงไป

--------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/KzMDzRhWwek


คุณอาจสนใจ

Related News